ดาร์บี้แมชต์แห่งลอนดอนเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ขุนค้อนเปิดบ้านทุบไก่คอหัก กลับบ้านมือเปล่าพร้อมเส้นทางลุ้นแชมป์ที่แทบมืดสนิท
ก่อนลงสนาม ขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มี 39 คะแนน จากการลงเตะไปทั้งหมด 35 นัด อยู่อันดับที่ 15 ต่างจากผู้มาเยือนที่อยู่ในช่วงลุ้นแชมป์ โดย ทอตแนมฮอต สเปอร์ รองจ่าฝูง ลงเตะ 34 นัดมี 77 คะแนน ซึ่งหากสามารถคว้าชัยในนัดนี้ก็จะตามจี้ เชลซีจ่าฝูงเหลือเพียงแต้มเดีย
ภาพ : https://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9600000045792
โดยเกมนี้เจ้าบ้านขาดศูนย์หน้าตัวเก่ง แอนดี้ คาร์โรล์ ที่เรียกความฟิตไม่ทัน ขณะที่ทีมเยือน ติดอาวุธหนักโดยการนำของดาวยิง แฮรี่ เคน พร้อมทั้ง เดเล อัลลี, ซอง เฮือง มิน และคริสเตียน อิริคเซ่น เพื่อเก็บชัยชนะในนัดนี้ให้ได้
เปิดเกมเป็นไปตามคาดที่ ไก่เดือยทอง เปิดเกมบุกเจ้าบ้านแบบไม่ให้หายใจหายคอ แต่กลับเป็นเจ้าบ้านที่มีโอกาสลุ้นก่อนในนาทีที่ 6 จากมานูเอล ลันซินี ที่ซัดด้วยเท้าขวาบอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นทีมเยือนก็เริ่มครองบอลและทำเกมเข้ากดดัน ในนาทีที่ 21 โอกาสของสเปอร์ก็มาถึง เมื่อ แฮรี่เคนมีโอกาสซัดเต็ม ๆ แต่ติดเซฟของ อาเดรียน ก่อนบอลจะกระเด็นมาเข้าทาง เดเล อัลลี ซ้ำไปติดบล็อก แต่บอลก็กระดอนมาให้ แฮรี่ เคน แก้ตัวซ้ำอีกครั้งแต่ผู้รักษาประตูก็กระโดดเซฟได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้สเปอร์พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก ยังไร้สกอร์
ครึ่งหลังนาทีที่ 63 ซอง เฮือง มิน ก็ได้โอกาสแต่ก็ยังติดเซฟผู้รักษาประตู อาเดรียน ที่นัดนี้โชว์ฟอร์มเหนียวเหลือเกิน
ภาพ : http://www.90min.com/th/posts/4965333
พอทำไม่ได้ก็มักถูกลงโทษ โดยในนาทีที่ 65 เป็นฝั่งของเวสต์แฮม เก็บบอลจากแนวรับของสเปอร์ที่จัดการเคลียร์บอลไม่ขาด โดยทางด้าน อายิว ไปแย่งลูกจาก แฟร์ทองเก้น บอลกระดอนไปเข้าทาง ลันซินี ซัดระยะเผาขน ให้ขุนค้อนออกนำ 1-0
ไก่เดือยทองเร่งเครื่องเพื่อตามตีเสมอแต่ทางด้านขุนค้อนก็ตั้งรับอย่างเหนียวแน่น จบเกม สเปอร์แพ้ไปแบบหักปากกาเซียน พร้อมโอกาสลุ้นแชมป์ก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน ส่วนเวสต์แฮมก็ขึ้นไปรั้งอันดับ 9 ชั่วคราว
ผลการแข่งขันคู่อื่นที่น่าสนใจ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ลงแข่งเป็นคู่แรกของคืนวันเสาร์ เปิดบ้านถล่ม คริสตัล พาเลชไป 5-0 ขยับขึ้นไปเป็นอันดับ 3 จากการลงเตะ 35 นัด มี 69 คะแนนเท่ากับ ลิเวอร์พูล แต่ผลต่างประตูได้เสียดีกว่า โดย ลิเวอร์พูล เองมีโปรแกรมลงเตะอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. เวลา 19.00 น. โดยพื้นที่ท็อปโฟร์ปีนี้ยังมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอาร์เซน่อลที่ขับเคี่ยวกันอย่างสนุก