มีเพื่อนของผมคนหนึ่ง ชื่อว่า อีฟ อีฟเป็นคนที่ชอบฟังวิทยุเป็นชีวิตจิตใจ ต่อให้เทคโนโลยีมีการพัฒนา จนกระทั่งสามารถโหลด Mp3 มาฟังได้แล้วก็ตาม แต่มันก็ยังชอบฟังวิทยุอยู่นั่นเอง เคยถามเหมือนกัน ว่าทำไมจึงชอบฟังวิทยุ มันตอบว่า น่าจะเป็นความเคยชินที่มีมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ว่าถ้าฟังเพลง ต้องฟังวิทยุเท่านั้น เราคุยเรื่องนี้กัน จนกระทั่งอีฟเอ่ยขึ้นมาว่า ครั้งหนึ่ง มันก็เคยเจอเรื่องแปลกๆ จากการฟังวิทยุนี่แหละ
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนั้นอีฟอายุได้ประมาณ 12 ยุคนั้นโทรศัพท์ยังไม่ได้ไฮเทคเหมือนกับสมัยนี้ ยังทำได้แค่โทรเข้า-โทรออก เพียงอย่างเดียว การฟังวิทยุ จึงต้องอาศัยฟังจากเครื่องรับวิทยุโดยเฉพาะ
พ่อของอีฟได้ซื้อเครื่องเสียง ชนิดรับวิทยุได้ มาจากร้านขายของมือสองแห่งหนึ่ง เป็นเครื่องเสียงยี่ห้อดัง ปกติถ้าเป็นราคามือหนึ่งจะแพง แต่พอเป็นมือสองมันก็ถูกลง และสภาพโดยรวมของเครื่องดูเก่าลงตามกาลเวลา แต่ยังสะอาดสะอ้าน จนคิดว่าน่าจะยังฟังได้อยู่ ไม่ถูกหลอกขายของพังๆ อย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อนำมาลองฟังดู ก็พบว่าเสียงยังกระหึ่มดี จนคนในบ้านยังแปลกใจว่า ทำไมเครื่องเสียงสภาพดีขนาดขี้ จึงถูกขายในราคาถูก แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก
และอย่างที่บอก ว่าอีฟเป็นคนชอบฟังเพลงอยู่แล้ว ยิ่งมีเครื่องเสียงใหม่มาด้วย ก็ยิ่งเห่อ เลยปรากฏว่า ถ้าเป็นวันหยุด หรือตอนกลางคืนหลังเลิกเรียน อีฟมักจะมาเปิดเครื่องเสียง ฟังเพลงอยู่เสมอ แต่ที่น่าแปลกก็คือ พอเปิดได้สัก 10 นาที เครื่องเสียงมันจะชอบเปลี่ยนช่องวิทยุเอง และอีฟก็เคยบอกพ่อไปแล้ว ทุกคนในบ้านเลยถึงบางอ้อ ว่าทำไมเครื่องเสียงยี่ห้อดัง สภาพดี จึงถูกขายมาในราคาที่ถูกจนเหลือเชื่อ แถมในบางครั้ง เครื่องเสียงมันก็ชอบเปิดขึ้นมาเอง เปลี่ยนช่องวิทยุเองอีกด้วย พ่อของอีฟเลยเอาไปให้ช่างดู แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติในเครื่องเสียงเลย จนตอนหลังพ่ออีฟเริ่มรำคาญ เลยไม่เอาไปซ่อม ปล่อยให้มันมีอาการอย่างนั้นไป และก็ไม่มีใครสนใจอีก
ตราบจนกระทั่งวันหนึ่ง อีฟจำได้ว่าเป็นวันอาสาฬหบูชา วันนั้นตอนกลางวัน ทุกคนก็ออกไปทำบุญตามปกติ จนกลับมาตอนบ่ายๆ ปรากฏว่าป้าที่อยู่ข้างบ้านมาทัก ว่าเห็นผู้ชายใส่เสื้อสีแดง นั่งอยู่ในบ้าน แต่พอละสายตาไปแวบเดียว ผู้ชายคนนั้นก็หายไปแล้ว เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในบ้านไม่สบายใจ รีบเข้าบ้านไปดูว่ามีของหายหรือเปล่า แต่ก็พบว่า ทุกอย่างยังอยู่ปกติดี แถมประตูก็ไม่มีร่องรอยของการถูกเปิด ถูกงัดแงะ หรือร่องรอยว่ามีคนเข้าในบ้านเลย ทุกคนเลยลงความเห็นว่า ป้าแกน่าจะตาฝาด
และในคืนนั้นเอง ระหว่างที่ทุกคนในบ้านกำลังนั่งกินข้างอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งเครื่องเสียงตัวนี้ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างๆ จู่ๆ เครื่องเสียงมันก็เปิดเอง แล้วเปลี่ยนช่องไปที่คลื่นอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นเสียงพระสวด ทุกคนถึงกับสะดุ้ง อีฟรีบไปปิดเครื่องเสียงทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไปสัก 5 นาที เครื่องเสียงนั้นมันก็ติดขึ้นมาเองอีกแล้ว พ่อเลยบอกว่าให้ดึงปลั๊กออกเลย อีฟจึงทำตาม แล้วเครื่องเสียงก็ไม่ดังขึ้นมาอีก
หลังจากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำบ้าง เข้านอนบ้าง ดีทีวีที่ห้องนั่งเล่นบ้าง พอประมาณ 4 ทุ่มได้ จู่ๆ เครื่องเสียงตัวเดิมที่ตั้งอยู่ในห้องอาหาร มันก็เปิดเอง แล้วดังขึ้นมาเองอีกแล้ว คราวนี้อีฟเริ่มรู้สึกแปลกๆ เลยขอให้น้องสาวไปเป็นเพื่อน
เมื่อไปถึงตัวเครื่องเสียง อีฟก็ได้พบว่า มันถูกเสียบปลั๊กอยู่ แล้วก็กำลังเล่นคลื่นที่เป็นเพลงลูกกรุง อีฟเลยปิดทันที แล้วก็ดึงปลั๊กออก พร้อมด้วยความสงสัยว่า ใครมาเสียบปลั๊ก ทั้งๆ ที่ตอนทานข้าวกัน อีฟได้ดึงปลั๊กออกแล้ว และพอทานข้าวเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเลย ไม่มีใครมายุ่งกับเครื่องเสียงแน่ๆ
หลังจากดึงปลั๊กออก อีฟและน้องสาว ก็หันหลังจะเดินกลับ จู่ๆ เครื่องเสียงมันก็ดังขึ้นมาอีกแล้ว อีฟหันกลับไปดูอีกที แล้วก็เห็นว่า เครื่องเสียงนั้นถูกเสียบปลั๊ก และกำลังเปิดคลื่นเพลงลูกกรุงเดิม เป็นไปได้อย่างไร ก็เมื่อตะกี้เพิ่งจะดึงออกเอง
คราวนี้ อีฟกับน้องไม่กล้ากลับไปปิดอีกแล้ว ทั้งสองรีบวิ่งขึ้นชั้นสองทันที และบอกกับพ่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ่อฟัง แล้วก็ไปบอกกับพี่ชายของอีฟ ให้ลงไปเป็นเพื่อนหน่อย จะไปปิดวิทยุ ซึ่งระหว่างนั้น เสียงของวิทยุมันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ชวนให้หลอนเป็นอย่างยิ่ง
พ่อกับพี่ชายลงไปสักพักหนึ่ง เสียงวิทยุมันก็เงียบไป หลังจากนั้นไม่นาน พ่อและพี่ชายก็กลับขึ้นมาบนห้อง แล้วบอกว่า ตอนนี้ย้ายเครื่องเสียงไปไว้ในห้องเก็บของ ที่ไม่มีไฟฟ้าแล้ว ถ้าดังอีกก็ให้มันรู้ไป
ไม่ทันขาดคำ เสียงวิทยุมันก็ดังขึ้นมาอีก จากตำแหน่งห้องรับประทานอาหาร ที่เดิมเป๊ะ ทุกคนนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา สักพักหนึ่ง แม่ก็ขึ้นมา แล้วถามว่า ใครเปิดวิทยุทิ้งไว้ในห้องอาหารเนี่ย
คนอื่นที่เหลือพูดไม่ออก เพราะพ่อและพี่ชาย เพิ่งจะเอาเครื่องเสียงเจ้าปัญหาไปไว้ในห้องเก็บของเอง ข้างล่างก็มีแต่แม่ แล้วใครไปเอาเครื่องเสียงนั้นกลับมากันล่ะ
ไม่มีใครสนใจเครื่องเสียงนั้นอีก ทุกคนรีบเข้านอนทันที ท่ามกลางเสียงวิทยุ ที่ยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ข้างล่าง บางทีก็เปลี่ยนไปคลื่นพระสวด บางทีก็เป็นดนตรีไทย ทุกคนเข้านอนภายใต้อาการอกสั่นขวัญแขวน จนกระทั่งหลับไป
พอวันรุ่งขึ้น พ่อและพี่ชาย เลยรีบเอาเครื่องเสียงนั้นไปถวายวัดทันที และก็ไม่มีใครได้เห็นเครื่องเสียงเจ้าปัญหานั้นอีก โดยพ่อเล่าว่า ตอนที่ขึ้นไปหาหลวงตา ท่านทักว่า พวกโยม 3 คน มาทำอะไรกัน ทั้งๆ ที่พ่อไปกับพี่ชายแค่ 2 คนเท่านั้น แต่พ่อก็ไม่อยากพูดให้หลวงตาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เอาแค่เครื่องเสียงอันนั้นไปถวายก็พอแล้ว
หลังจากเครื่องเสียงเจ้าปัญหาออกไปจากบ้านแล้ว ก็ไม่มีใครเจอกับเหตุการณ์แปลกๆ อีก และทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะความขัดข้องทางเทคนิค หรือเกิดจากอะไรกันแน่