พรเทพ พรประภา มหาเศรษฐีอันดับที่ 26 ของประเทศไทยจากการจัดล่าสุดซึ่งมีทรัพย์สินจำนวน 3.56 หมื่นล้านบาท เขาเป็นลูกคนที่ 7 ในจำนวนลูกทั้งหมด 13 คนของถาวร กับรำไพ พรประภา ทั้งเป็นน้องชายแท้ๆของคุณหญิงพรทิพย์ โดยชีวิตในวัยเด็กของพรเทพดูจะแตกต่างจากลูกคนอื่นๆของถาวร ซึ่งอาจเป็นเพียงลูกคนเดียวที่ได้เรียนรู้ และสัมผัสกับชีวิตในลักษณะที่ติดดินเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ในขณะที่ลูกคนอื่นๆไม่เคยพบหรือได้สัมผัสชีวิตแบบนั้น
การที่พรเทพมาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ตั้งแต่ยังเป็นเด็กด้วยความเป็นอยู่แบบคนธรรมดาที่ต้องนั่งรถเมล์ ขึ้นรถราง นั่งสามล้อไปเรียนทุกวัน ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมต้องตามมาอยู่กับแม่ตั้งแต่เล็กๆในขณะที่พี่ๆน้องๆใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย
แต่เมื่อมาถึงทุกวันนี้พรเทพกลับมีความรู้สึกว่าเป็นเพราะใช้ชีวิตอย่างติดดิน เขาจึงได้มีโอกาสเรียนรู้ความเป็นชีวิตที่ดี ซึ่งในช่วงปี 2523-2525 เป็นช่วงที่พรเทพได้มีโอกาสใกล้ชิดพ่อ ได้เรียนรู้วิธีการทำงาน ฃและในปี 2527 พรเทพได้เข้าร่วมงานที่สยามกลการในตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรองผู้จัดการใหญ่ด้านบริหารแต่เป็นช่วงที่ไม่ค่อยดีนักเพราะขณะนั้นสยามกลการประสบกับปัญหาการขาดทุนอย่างหนัก
พรเทพได้รับมอบหมายให้เข้าไปแก้ปัญหายอดขายลด โดยเข้าไปช่วยทางด้านแผนกบริการและอะไหล่ทั่วประเทศ แต่นั่นเป็นผลงานที่ไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างนัก และอาจเป็นเพราะความที่เขาเป็นน้องชายของคุณหญิงพรทิพย์ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้พรเทพ ได้เข้าบริหารงานบริษัทในเครือข่ายของสยามกลการมากถึง 11 บริษัท
หลังจากพ่อคือถาวร พรประภา อายุมากขึ้นอีกทั้งสุขภาพย่ำแย่ตามกาลเวลา จึงมีการผลัดเปลี่ยน และผู้ที่เข้ามากุมบังเหียนดูแลกิจการของสยามกลการที่ขณะนั้นมีบริษัทลูกในเครือกว่า 40 บริษัทก็คือ คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช
ชื่อของสยามกลการในช่วงการดูแลของคุณหญิงพรทิพย์ ไม่ได้โดดเด่นในเรื่องของธุรกิจรถยนต์นิสสันเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้จัดประกวดร้องเพลงระดับประเทศ ที่เรียกกันว่าการประกวดร้องเพลงสยามกลการ ซึ่งได้สร้างนักร้องหลายคนไม่ว่า เบิร์ด ธงไชย นันทิดา หรือจะเป็น ทาทา ยัง
ปี2538 พรเทพได้รับมอบหมายจากพ่อให้เข้ามาดูแลสยามกลการแทนพี่สาว เนื่องจากบริหารงานควบคุมไม่ทั่วถึง เกิดคอร์รัปชั่นภายในบริษัทสร้างความเสียหายให้กับสยามกลการ ซึ่งการเข้าดำเนินธุรกิจของพรเทพ อาจโชคร้ายที่กำลังอยู่ช่วงเศรษฐกิจขาลงก่อนเศรษฐกิจฟองสบู่พอดี แต่วิกฤติก็เป็นโอกาสทำให้เกิดผลงาน คือจัดระบบการบริหารงานใหม่ยกเลิกระบบสาขาของนิสสัน ปลดภาระจากบรรดาลูกหนี้ของบริษัท
พรเทพ ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้สยามกลการกลับฟื้นตัวด้วยการบริหารที่ถึงลูกถึงคน บริษัทไหนในเครือจะไปไม่รอด ก็จัดการขายหุ้นใหญ่มาถือหุ้นเล็กเพื่อความอยู่รอด
ด้านสายงานการบริหาร พรเทพ ปรับเปลี่ยนทัศนะคติในการทำงานใหม่ ให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนไป ด้วยการนำความทันสมัยเข้ามาสู่สยามกลการ ปรับภาพลักษณ์ของธุรกิจที่หลายคนเรียกว่า ธุรกิจกงสี ให้เป็นธุรกิจที่อินเตอร์มากขึ้น ด้วยการปรับภาพลักษณ์ภายในองค์กรให้ทันสมัย มีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารและพนักงานเปิดกว้างสำหรับคนรุ่นใหม่มากขึ้น
จากนั้นพรเทพ ได้พยายามปูทางให้กับทายาทได้เข้ามามีบทบาทในการบริหารงานต่างๆในบริษัทเครือสยามกลการ เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไปทายาทรุ่นใหม่ย่อมเข้ามาแทนซึ่งเป็นวงจรของการบริหารธุรกิจกงสีทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา
กล่าวสำหรับวงการรถยนต์ในเมืองไทยนั้น มีเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่ยังคงรักษาความเป็นธุรกิจของคนไทยไว้ได้ และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญแทบทุกตระกูลกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการถ่ายเลือดจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก
” งานส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการวางแผน ดำเนินงาน แก้ปัญหา รวมถึงการกระตุ้นพนักงานซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ได้พูดคุยกับคนทั่วไป พ่อบอกว่าต้องมีความมั่นใจในตัวเอง ” ประนัปดา พรประภา ลูกสาวคนเก่งของพรเทพ พรประภา
ผู้สานต่อธุรกิจของครอบครัวโดยรับผิดชอบบริษัทสยามกลการเซลส์
ประนัปดา ได้รวมบริษัทสยามกลการเซลส์ กับบริษัทสยามกลการเทรดดิ้ง ให้เป็นบริษัทเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาขั้นตอนการทำงานมาก แข่งขันกันเอง การรวมกันจะทำให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน ลดต้นทุน เกิดความแข็งแกร่ง
หลังจากนั้นมุ่งเน้นการตลาดและการขาย ปรับปรุงเรื่องการบริการให้พนักงานเข้าใจว่าลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง ทำให้ลูกค้าพอใจในบริการ มีการทำเอกสารการทำงานวัดผลความสำเร็จ ทำให้พนักงานพอใจ มีความเชื่อว่าหากมีอะไรให้แก่พนักงาน พวกเขาก็จะกล้ามากขึ้นและมีความสุข นี่จึงเป็นหลักการบริหารง่ายๆว่า พนักงานคือสิ่งสำคัญที่สุด และให้เขาทราบว่าบริษัทให้โอกาส มีความก้าวหน้า เชื่อมั่นในความชำนาญของตนเอง และมีความสุขกับการทำงาน
ทายาทธุรกิจคนต่อมาของพรเทพก็คือ ประกาสิทธิ์ พรประภา ผู้จัดการฝ่ายประสานงานการตลาดสยามกลการอะไหล่ จำกัด ซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้อง
” การทำงานช่วงแรก พ่อสอนเสมอว่าอย่าทำตัวเป็นลูกเจ้าของ ให้ทำตัวเป็นลูกจ้างเหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง ต้องใช้เวลาในการศึกษา หาแนวทาง เพราะหากเข้ามาแล้วเปลี่ยนแปลงก็จะถูกมองว่าเป็นลูกเจ้าของกิจการ แต่เมื่อได้ศึกษาก่อน ทำให้เกิดความกล้าที่จะแก้ไขระบบการทำงานเพื่อให้เกิดผลดีแก่บริษัท ” นั่นคือคำสอนมุมคิดจากพรเทพที่ถ่ายทอดต่อทายาท
ทั้งหลังเข้ามาบริหารงานแล้วประกาสิทธิ์ ก็ยังบอกว่าพ่อก็ยังคงมาดูแลให้คำปรึกษาแนวทางในการทำงาน โดยการสอนนั้นไม่ใช่การสอนแบบครูกับนักเรียน แต่ให้ดูวิธีการทำงาน และเรียนรู้เป็นตัวอย่าง รวมทั้งมีการนำวิธีการทำงานของตนเองมาผสมผสานด้วย โดยจะเน้นในเรื่องให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของทุกฝ่าย
ที่มาของรูปภาพ : prachachat.net
อยากมีบทความดี ๆ แบบนี้ สั่งซื้อเลย รับเขียนบทความ 1000content.com