เป็นข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอได้นำกำลังเข้าตรวจค้นโชว์รูมรถยนต์หรูทั้งหมด 9 จุด ที่ตั้งอยู่ในย่านเอกมัยและมอเตอร์เวย์ เมื่อพบว่ามีรถยนต์ที่ถูกนำเข้ามาโดยสำแดงเท็จเพื่อหลบเลี่ยงภาษีก็ได้อายัดรถยนต์หรูไว้ทั้งหมด 122 คัน
ภาพ : http://www.thairath.co.th/content/945083
ในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ดีเอสไอได้นำหมายค้นของศาลอาญารัชดาเข้าตรวจค้น นิชคาร์กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารถยนต์หรูซูเปอร์คาร์อย่างเป็นทางการเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เป็นผู้นำเข้ารถยนต์หรูมาจำหน่ายโดยถือเป็นรายใหญ่ของเอเชีย มีทั้งลัมโบร์กินี แมคลาเรน และฮัมเมอร์ เมื่อทำการตรวจค้นพบว่ามีการลักลอบนำเข้ารถยนต์หรูจำนวนหนึ่ง โดยวิธีการสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าที่ต้องจ่ายให้กับศุลกากร ทำเอกสารปลอมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าใจว่าเป็นการนำเข้าอะไหล่รถยนต์ ทางดีเอสไอจึงได้ทำการอายัดรถยนต์ที่เข้าข่ายไว้ได้ทั้งหมด 122 คัน เป็นรถยนต์ยี่ห้อลัมโบร์กินี พอร์ช และเฟอร์รารี่
เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ถือโอกาสนี้ในการเข้าตรวจค้นโชว์รูมรถยนต์หรูอีก 9 แห่งด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ย่านพระราม 9 ห้วยขวาง สุขุมวิท สยามพารากอน หัวหมาก ประดิษฐ์มนูธรรม และในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นการขยายผลสอบสวนต่อเนื่องมาจากกรณีที่รถเทรลเลอร์บรรทุกรถยนต์หรูเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นที่อำเภอปากช่อง นครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2556 และในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ารถยนต์หรูเหล่านั้นส่วนหนึ่งอาจมีการนำเข้าแบบผิดกฎหมาย
ส่วนด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องนี้ โดย พล.ต.ต. ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ก็ต้องให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการไป ต้องมีการตรวจสอบว่ารถยนต์หรูนำเข้ามาจากที่ไหน มีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ ในด้านของตำรวจก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือหากว่าดีเอสไอต้องการข้อมูลในเรื่องใด ซึ่งถือเป็นระเบียบในการปฏิบัติงานร่วมกันเป็นปกติอยู่แล้ว
ภาพ : http://www.posttoday.com/social/general/495554
ต่อมาทางดีเอสไอได้มีการจัดการแถลงผลการปฏิบัติการในครั้งนี้ พ.ต.อ. ไพสิฐ วงษ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกมาเปิดเผยถึงตัวเลขรถยนต์หรูทั้งหมด 122 คันที่อายัดไว้ได้จากการเข้าตรวจโชว์รูมทั้ง 9 แห่งว่าสร้างความเสียหายให้กับภาครัฐมากถึง 2,400 ล้านบาท โดยเฉลี่ยรถยนต์แต่ละคันจ่ายภาษีขาดไปประมาณ 10-18 ล้านบาท ราคารถยนต์ที่แสดงไว้ในใบกำกับภาษีนั้นมีมูลค่าต่ำกว่าราคาจริงถึง 40% เลยทีเดียว ต่อจากนี้ทางดีเอสไอคงต้องตรวจสอบย้อนหลังกลับไปเพื่อตามเรียกเก็บภาษีคืนให้ครบถ้วน หากเป็นบริษัทที่มีตัวตนจริงนำเข้ามา ทั้งตัวบริษัทกับเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ แต่หากเป็นนักศึกษาที่ไปเรียนต่างประเทศหรือบริษัทนอมินีเป็นผู้นำเข้า เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องถูกดำเนินการในทางแพ่ง เชื่อว่าขบวนการนำเข้ารถยนต์หรูเลี่ยงภาษีนี้ทำรัฐเสียหายถึงปีละกว่า 10,000 ล้านบาทเลยทีเดียว