การตั้งประโยคคำถามในภาษาอังกฤษนั้นมีหลายแบบค่ะ ทั้งแบบที่ต้องการคำตอบว่าใช่หรือไม่ หรือที่ต้องการคำตอบแบบเฉพาะเจาะจงว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร หรือเพราะอะไร
ถ้าเป็นภาษาเขียนที่เป็นทางการ การตั้งประโยคคำถามจะต้องทำให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ซึ่งหากต้องการคำตอบว่าใช่หรือไม่ ประโยคคำถามนั้นจะต้องขึ้นต้นด้วย helping verbs หรือ กริยาช่วย เช่น verb to be (is, am, are, was, were) verb to do (do, does, did) หรือ verb to have (has, have, had) เช่น
Do you want to come with me? คุณต้องการมากับฉันไหม ถ้าเราต้องการไปก็ตอบ Yes, I do. ถ้าไม่ต้องการก็ตอบ No, I don’t
ส่วนประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบที่เฉพาะเจาะจงก็จะเป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วย Question words ทั้งหลาย เช่น Who, What, Where, When, Why และ How เช่น
What will you do on this coming Sunday? คุณจะทำอะไรในวันอาทิตย์ที่กำลังจะมาถึง เราก็ต้องตอบว่าเราจะทำอะไร เช่น I will go to church. ฉันจะไปโบสถ์หรือ I want to go to shopping. ฉันจะไปช้อปปิ้ง
มีวิธีการถามในประโยคภาษาอังกฤษอีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นการถามแบบง่าย ๆ ฉบับย่อ ๆ โดยเหมือนเราพูดประโยคธรรมดาไปแล้วเติมสร้อยต่อท้ายว่า ไม่ใช่หรือ เช่น
You have finished homework, haven’t you? เธอทำการบ้านเสร็จแล้ว หรือไม่เสร็จ
อีกสักตัวอย่างค่ะ
You won’t go with them, will you? คุณจะไม่ไปกับพวกเขา หรือคุณจะไป
ประโยคคำถามที่ใช้ question tags แบบย่อย ๆ นี้ นิยมใช้ในภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน จุดประสงค์หลักเหมือนเป็นการถามย้ำเพื่อให้มั่นใจ หรือเพื่อให้เห็นด้วยกับสิ่งที่เราพูด
หลักการใช้ question tags ไม่มีอะไรมาก ถ้าประโยคข้างหน้าเป็นประโยคบอกเล่า ใช้สร้อยต่อท้ายใช้ปฏิเสธ ถ้าประโยคข้างหน้าเป็นประโยคปฏิเสธ ใช้สร้อยต่อท้ายเป็นบอกเล่า สร้อยที่ต่อท้ายจะเรียงตามนี้ คือ
เครื่องหมาย comma + กริยาช่วย + ประธาน + ?
เช่น She is beautiful. ถ้าต้องการถามเพื่อให้มั่นใจหรือเห็นด้วย โดยใช้ question tags ก็ใช้ว่า
She is beautiful, isn’t she? เธอสวย หรือไม่สวย
ส่วนคำตอบของคำถาม question tags นั้น จะต้องตอบ Yes หรือ No เหมือนกับการถามแบบต้องการคำตอบว่าใช่หรือไม่ อย่าง She is beautiful, isn’t she? ถ้าเห็นด้วยก็ตอบว่า Yes, she is. หรือถ้าไม่เห็นด้วยก็ตอบว่า No, she isn’t. ตอบเหมือนกับคำถามว่า Is she beautiful? นั่นแหล่ะค่ะ
สำหรับการออกเสียงนั้น ถ้าเป็นประโยคคำถามทั่ว ๆ มักจบประโยคโดยใช้เสียงสูง แต่ประโยคคำถามแบบ question tags เราสามารถจบประโยคด้วยเสียงสูงหรือเสียงต่ำเพื่อแสดงความตั้งใจที่ต่างกัน หากจบด้วยเสียงสูงก็จะมีความหมายเหมือนประโยคคำถามทั่วไป คือ ถามเพื่อต้องการคำตอบที่เป็นความเห็นของคนที่เราคุยอยู่ด้วยจริง ๆ แต่ถ้าจบด้วยเสียงต่ำเหมือนประโยคบอกเล่าธรรมดา ก็จะสื่อความหมายเป็นนัยว่าอยากให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นด้วยกับสิ่งที่เราพูด คาดหวังคำตอบที่เป็น yes นั่นเองค่ะ
ขอบคุณเครดิตภาพจาก
ภาพที่ 1 : https://sites.google.com/site/englishblog03/kar-chi-question-tags
บทความฝึกภาษาอังกฤษอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แสดงความเป็นเจ้าของอย่างไรในประโยคภาษาอังกฤษ
เทคนิคช่วยให้เข้าใจเรื่อง TENSE แบบง่าย ๆ
EVERYONE กับ EVERY ONE ใช้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างระหว่าง HOME กับ HOUSE
เมื่อไหร่ควรใช้ DO เมื่อไหร่ควรใช้ MAKE
เทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษในทุกเวลาว่าง
การถามแบบย่อ ๆ กับ QUESTION TAGS
VERB TO BE คืออะไรและควรใช้อย่างไร
3 คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกิดใหม่ในยุคดิจิตอลที่ไม่ควรพลาด
TALL กับ HIGH 2 คำศัพท์อังกฤษที่ใช้ต่างกันนะ รู้ยัง
2 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เขียนผิด ชีวิตเปลี่ยน
3 ความต่างของคำศัพท์เกี่ยวกับ “ครู” ในภาษาอังกฤษที่ควรรู้และใช้ให้ถูกต้อง
การออกเสียงภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง
การใช้ I THINK SO และ I HOPE SO
การใช้ BY และ UNTIL BY THE TIME
BY THE WAY และ ANY WAY ใช้ต่างกันอย่างไร
คำที่บอกความรู้สึก ในภาษาอังกฤษ
เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากข่าวราชประสงค์
ความแตกต่างของคำ INTRODUCE, SUGGEST, RECOMMEND และ ADVISE
ADJECTIVE ที่ลงท้ายด้วย –ED และ – ING น่ารู้
เข้าใจกันใหม่ก่อนนะ ระหว่าง HARD กับ HARDLY
SORRY กับ APOLOGIZE ก็เสียใจเหมือนกัน จริงหรือ
NO และ NOT คุณคิดว่าเหมือนกันไหม
MOON มีความหมายมากกว่าพระจันทร์นะ รู้ยัง