หลังจากผ่านช่วงหยุดยาวมานี้ หนุ่มสาวหลายคนคงไปเที่ยวสาดน้ำสงกรานต์, ดำน้ำชมปะการังหรือเล่นกีฬาเอ๊กซ์ตรีมกลางแจ้งกันมาอย่างจุใจ ทำให้ผิวที่เคยผ่องใสดูหมองคล้ำ ไหม้แดดและผิวลอก สูตรลับปรนนิบัติผิวให้พลิกฟื้นเปล่งปลั่งกว่าเดิม สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ไม่ต้องง้อสปาให้เปลืองเงิน โดยเริ่มจาก
- สูตรโฮมเมคมาส์กนมสด ลดอาการผิวอักเสบแบบไฮสปีด: ก่อนเข้าบ้านแวะซื้อนมสดสัก 1 กล่องและแช่ตู้เย็นไว้ จากนั้นนำมาผสมกับน้ำเปล่าในสัดส่วน 1 ต่อ 1 แล้วค่อยใส่น้ำแข็งลงไป หลังจากนั้นก็นำผ้าขนหนูสะอาด ๆ มาแช่น้ำนมที่ผสมเรียบร้อยและค่อย ๆ ประคบตามผิวที่มีรอยแดง อาการผิวอักเสบจะเบาบางลงอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะเลือกใช้เป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ต้องผสมน้ำ โดยให้ทาโยเกิร์ตที่ผิวไหม้แดดได้เลยและทิ้งไว้ราว ๆ 5 – 10 นาที จึงเช็ดออกก็จะช่วยลดความร้อนใต้ชั้นผิวได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
- สูตรมาส์กแตงกวา คืนความชุ่มชื้นให้ผิวเสียได้กลับสวยใสตามธรรมชาติ: ไม่เพียงแตงกวาจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ผิวต้องการเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย หลังออกแดดนาน ๆ การมาส์กบำรุงด้วยแตงกวาจึงเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับผิวสวยที่ไม่ควรมองข้าม โดยให้นำแตงกวามาปั่นจนละเอียดก่อนที่จะนำมาพอกบริเวณที่ผิวไหม้แดดราว ๆ 20 นาที หลังจากนั้นจึงค่อยล้างทำความสะอาดให้หมดจด หรือไม่ก็อาจจะเลือกฝ่านแตงกวาเป็นแผ่นบาง ๆ และนำมาวางไว้บนผิวอักเสบไม่น้อยกว่า 30 นาทีเพื่อลดรอยแดงและคืนความชุ่มชื้นให้ผิวตามธรรมชาติ
- สูตรประคบผิวด้วยน้ำชา ช่วยดึงความร้อนและปรับสมดุลกรดด่าวงให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น: คุณสมบติของกรดแทนนิคในใบชาจะช่วยขับความร้อนใต้ชั้นผิวออกมาพร้อม ๆ กับคงความสมดุลของกรดและด่างให้กับผิว ซึ่งสามารถใช้ใบชาได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นชาเขียว, ชาดำ, ชาจีน หรือ ชาฝรั่งก็ตาม โดยให้นำมาชงในน้ำร้อนก่อนและค่อยพักจนเย็น แล้วจึงนำผ้าขนหนูสะอาด ๆ มาชุบกับน้ำชาที่เตรียมไว้ จากนั้นก็บิดพอหมาดและนำมาปะคบตามผิวที่อักเสบก็จะทำให้ผิวระคายเคืองน้อยลง หรือไม่ก็นำใบชาใส่ลงอ่างอาบน้ำและแช่อาบก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ หากอยากให้ผิวพรรณได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ช่วงหลังจากที่ผิวผ่านการตากแดดจัด ๆ มา ห้ามซ้ำเติมผิวด้วยการขัดสครัปเด็ดขาด แต่ควรเว้นระยะไปประมาณ 2 อาทิตย์ก่อน ไม่อย่างนั้นผิวจะยิ่งแห้งและคล้ำเสีย ทั้งนี้ หลังการขัดผิวในช่วง 2 – 3 วันแรกก็ต้องเลี่ยงแดดแรงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แสงแดดแรง ๆ ในช่วงเวลา 10 โมง – 5 โมงเย็นของทุกวัน การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปพร้อมการปกป้องแบบ PA+++ จะช่วยป้องกันผิวถูกทำร้ายจากทั้งรังสี UVA และ UVB ซึ่งหากอยากรู้ว่าค่า SPF ที่ใช้อยู่กันแดดได้นานหรือไม่ ก็ให้นำ 30 ไปคูณจะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นจำนวนนาที อย่างเช่น SPF 30 x 30 = 900 นาทีหรือราว ๆ 15 ชั่วโมงนั่นเอง