ภาพ : www.thairath.co.th
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2560 เวลา 14:30 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นบริเวณชุมชนวัดไผ่ตัน ซอยประดิพัทธ์ 23 และเนื่องจากเป็นชุมชนแออัดและมีทางเข้าออกเป็นซอยแคบ ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงดำเนินไปอย่างยากลำบากต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงจะสามารถสกัดเพลิงเอาไว้ได้ จากการสำรวจพบว่ามีบ้านที่เสียหายจากเหตุการณ์นี้ทั้งหมด 13 หลัง กินพื้นที่ความเสียหายมากถึง 2 ไร่ เบื้องต้นไม่พบผู้เสียชีวิต แต่มีผู้บาดเจ็บจากเศษกระจกบาดและสำลักควัน ซึ่งบ้านบางหลังมีอายุเก่าแก่กว่า 40 ปีเลยทีเดียว
ภาพ : http://www.nationtv.tv/
จากคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่าบ้านต้นเพลิงเป็นบ้านของนายวัลลภ ขาวมงคล ซึ่งเจ้าของบ้านได้ย้ายออกจากบ้านหลังดังกล่าวไปนานแล้ว ทำให้ในขณะที่เกิดเหตุไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว แต่ได้มีการจัดเก็บข้าวของเก่า ๆ และขวดพลาสติกเอาไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้เมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้วได้กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่พร้อมลุกลามไปอย่างรวดเร็ว และพบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้มากถึง 100 ครอบครัวเลยทีเดียว โดยทางสำนักงานเขตพญาไทได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณะภัยขึ้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนชุมชนวัดไผ่ตัน เพื่อดูแลและเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายในเบื้องต้นเอาไว้ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตามในทันทีที่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้ได้ 1 คน เพราะเกรงว่าจะเป็นเหตุลอบวางเพลิง แต่จากการสอบสวนไม่พบหลักฐานเอาผิดได้ พบแต่อุปกรณ์สำหรับการงัดแงะทั่วไป จึงได้มีการตั้งข้อสันนิษฐานเพิ่มเติมในเบื้องต้นว่าเกิดจากสาเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ประกอบกับภายในตัวบ้านมีเชื้อเพลิงชั้นดี จึงทำให้ไฟโหมแรงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งภายในชุมชนแห่งนี้ยังเป็นตัวบ้านที่ทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่และตั้งอยู่ใกล้กันมาก และในขณะเกิดเหตุมีลมกรรโชกแรง เพลิงจึงได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบหลักฐานและหาหลักฐานต่าง ๆ เพิ่มเติมต่อไป
ภาพ : http://www.nationtv.tv/
แต่ไม่ว่าสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้จะมาจากสาเหตุใดก็ตาม ประชาชนหรือเจ้าของบ้านทุกหลังก็ควรมีการตรวจสอบสภาพความปลอดภัยต่าง ๆ ของบ้านอยู่เสมอ เพราะอัคคีภัยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากประมาท ไม่ระมัดระวังและตรวจสอบสภาพและระบบต่าง ๆ ของบ้านให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ แม้ว่าในครั้งนี้จะโชคดีที่ไม่ผู้ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นก็สูงมาก มีผู้ที่ต้องประสบเหตุไม่มีที่อยู่อาศัยและบาดเจ็บเพราะสำลักควัน การตรวจสอบสภาพบ้านเรือนหรือที่อยู่อาศัยของทุกคนในชุมชนจึงมีความสำคัญและต้องทำอย่างสม่ำเสมอ