ปกติฉันจะต้องเดินทางคนเดียวบ่อยครั้ง เพราะทำอาชีพเซลล์ที่ต้องออกต่างจังหวัดบ่อยๆ ใจจริงก็ไม่ได้อยากทำงานแบบนี้มากนัก ทั้งเหนื่อยและต้องออกจากบ้านตลอดเวลา แต่ทำอย่างไรได้เพราะผลตอบแทนที่ได้รับมันก็มากกว่านั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเท่าตัว ก็ยอมเหนื่อยสักหน่อย แต่เหตุการณ์แบบเมื่อวานนี้อาจจะต้องคิดตัดสินใจใหม่ ลาออกไปนั่งทำงานแบบคนอื่นคงจะดีกว่า ที่รอดมาได้ไม่รู้ว่าด้วยบุญตนเองหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไว้ แต่มั่นใจว่าครั้งต่อไปฉันอาจจะไม่มีโอกาสมานั่งเล่าให้ฟังอีกก็ได้
เมื่อวานต้องไปทำงานต่างจังหวัดภาคอีสาน และต้องรีบกลับเข้ามาที่กรุงเทพในวันถัดไป ก็เลยตัดสินใจขับรถกลับตอนกลางคืนเลย ด้วยความที่เหนื่อยมาทั้งวันก็มีอาการอ่อนเพลียบ้าง แต่ก็พอไหวเพราะเส้นทางที่ขับนี้ใช้มาแล้วหลายครั้งคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก ในจังหวะที่กำลังจะเลี่ยงโค้ง 100 ศพนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งกระโดดเข้ามาขวางที่หน้ารถไว้ ฉันตกใจเหยียบเบรกสุดตัวเพราะกลัวว่าจะชนเขา แต่แล้วก็ได้ยินเสียงดัง โครม! ฉันตั้งสติและคิดว่าจะลงไปดูหน้ารถ แต่ด้วยความที่เปลี่ยวและมืด ช่วงจังหวะนี้ก็ไม่มีรถผ่านมาเสียด้วย จึงคิดในใจว่าถอยรถดีกว่าเพราะถ้าลงไปเกิดมีอันตรายตามมาก็จะซวยเพิ่มแน่ ๆ
พอตั้งสติได้ก็ถอยรถออกมาประมาณ 10 เมตร ฉันเห็นรอยเลือดเป็นทางยาวไปฝั่งตรงข้ามของถนน ลากผ่านกลางถนนไป ตอนนี้ใจเสียที่สุดไม่รู้จะทำอย่างไร ยิ่งตกใจมากเท่าไหร่โทรศัพท์ก็หาไม่เจอ แล้วจู่ๆก็มีเสียงกระแทกที่หน้ารถ พอฉันเงยหน้าขึ้นมาก็มีตัวคนแค่ท่อนบนพาดอยู่ที่กระจกหน้ารถฉัน ฉันตกใจร้องกรีดเป็นบ้าเป็นหลัง มือก็บีบแตรไปด้วย แล้วก็รู้สึกเหมือนมีใครมานั่งที่เบาะข้างๆฉัน แล้วก็ทำให้รถฉันสั่นโยกไปโยกมา สักครู่ก็ได้ยินเหมือนเสียงพระสวดดังขึ้นเรื่อยๆและรถก็หยุดสั่น รอยต่างๆก็จางหายไป ลอยเลือดที่หน้ากระจกก็ไม่เห็น รอยที่กลางถนนก็ไม่มี ฉันยกมือท่วมหัวกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ช่วยฉันไว้ ฉันคิดว่าคงเป็นพระเครื่องที่พ่อให้มาแน่
พอตั้งสติได้ก็ตั้งใจขับรถต่อไปอีกนิดแล้วก็เจอป้อมตำรวจ จึงตัดสินใจขอพักกับตำรวจและเราเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง ตำรวจบอกว่า “เมื่อวานก็มีคนโดนแบบนี้ รถชนเละแต่คนไม่เป็นไร นั้นไงรถเขายังจอดอยู่นั้นเลย” เมื่อฉันมองไปก็มีคนกวักมือเรียกฉัน…. นั่น!! นั้นมันเขานิ่!