ผมและเพื่อนๆมาเดินป่าเพราะคำชวนของไอ้โก้ มันชอบเดินป่าและท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อะไรของมันก็ไม่รู้ แถมผมยังถูกลากมาด้วยตอนแรกก็ไม่อยากมาเพราะไม่ชอบเดินป่า แต่พอมันพูดบ่อยๆผมเลยมาเพื่อตัดรำคาญที่พวกมันพูดกันตลอดเวลา ผมเลยขี้เกียจจะฟัง พวกเรามากันสี่คน มีไอ้โก้ ไอ้อาร์ม ไอ้ปั้น และผม โดยไอ้โก้มันเป็นคนอาสาขับรถพามาถึงที่ เมื่อมาถึงพวกเราก็ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเดินขึ้นบนดอยกันตั้งแต่เช้า ผมไม่เคยเที่ยวลำบากๆแบบนี้เลย แต่เพื่อไม่ให้พวกมันล้อว่าผมอ่อนหัดก็เลยทำเป็นชอบไปก่อน
ปกติผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีๆสางๆ หรือพวกเจ้าที่เจ้าทางอะไรเท่าไหร่ โลกมันมาถึงยุคไหนกันแล้วแต่ไอ้พวกเพื่อนๆผมมันก็เอาแต่บอกว่าห้ามพูดอะไรลบหลู่สถานที่ หรือทำอะไรที่ไม่ให้เกียรติสถานที่นะเดี๋ยวเจ้าป่าเจ้าเขาจะมาเอาชีวิต อะไรก็ไม่รู้ไร้สาระมากๆ ผมไม่เชื่อและอยากทำให้พวกมันเห็นว่าเจ้าป่าเจ้าเขาอะไรนั่นน่ะไม่มีอยู่จริงหรอก ป่าเขาก็แค่ธรรมชาติทั่วๆไปนั่นแหละไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
“เจ้าป่าเจ้าเขาอะไรของพวกมึงวะ กูไม่เห็นคยเจอ ถ้ามีจริงป่านนี้คงออกมาแล้วว่ะ ไร้สาระนะพวกมึง รีบๆเดินเลย” ผมพูดออกไปเพราะรำคาญพวกเพื่อนๆที่เพ้อเจ้อไม่หยุด “เฮ้ยมึงอย่าพูดแบบนี้สิวะ เดี๋ยวมึงก็ได้เจอจริงๆหรอก” ไอ้โก้มันเตือนผมและมีท่าทีจริงจังจนน่าขำ “กูไม่กลัว เจอก็ดีดิท่าเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาก็ให้มาบอกทางลัดให้กูเดินถึงที่ไวๆสิ กูเหนื่อยชิบหายเลยเนี่ย ทีหลังท่าจะมาเที่ยวลำบากแบบนี้ไม่ต้องมาชวนกูเลยนะ” ผมพูดออกไปอย่างรำคาญบวกกับความเหนื่อยจึงยิ่งทำให้หงุดหงิดกว่าเดิม
“เฮ้ย พวกมึง กูปวดฉี่ว่ะ เดี๋ยวกูมาพวกมึงเดินล่วงหน้าไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป” ผมบอกให้พวกมันเดินไปก่อน ผมเดินมาอีกทางเพื่อจะหาทีปลดทุกข์เพราะตอนนี้รู้สึกฉี่จะราดอยู่แล้ว ผมเดินเลี่ยงเข้ามาอีกด้านหนึ่งแต่ไม่ไกลจากทางเดินหลักมากนัก เมื่อฉี่เสร็จเรียบร้อยก็กำลังจะเดินกลับทางเก่า ผมเดินไปเรื่อยๆตามทางแต่เดินเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึงทางเดินขึ้นเขาที่จัดไว้ให้สำหรับนักท่องเที่ยวสักที “อะไรวะเนี่ย เมื่อกี้เราเดินมาแค่นิดเดียวเองนี่หว่า ทำไมตอนกลับไปมันไกลจังวะ ซวยแล้วหลงแน่ๆเลย” ผมเริ่มกังวลขึ้นมาว่าตัวเองจะหลงทาง จึงหยิบมือถือจะโทรหาเพื่อน แต่ไม่มีสัญญาณแม้แต่ขีดเดียว
“ทำไงดีวะ นี่เดินมาจนเย็นแล้วยังไปไม่ถึงไหนเลย ช่วยด้วย มีใครอยู่บ้าง ช่วยผมด้วย ผมหลงทาง” ผมเริ่มกลัวมากขึ้นเมื่อเดินมาเกือบจะบ่ายสามแล้วก็ยังไม่ไปถึงไหน จึงร้องตะโกนให้คนช่วยแต่ทุกอย่างก็เงียบกริบ ผมทั้งหิวและเหนื่อย จึงนั่งพักมันกลางป่านี่แหละแล้วก็หยิบขนมกับน้ำในเป้มากินแก้หิวไปก่อน ผมพักเหนื่อยจนเผลอหลับไป มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ต้องตกใจมากเมื่อป่าทั้งป่ามืดไปหมด ได้ยินเสียงแมลงและนกกลางคืนร้องระงมไปทั้งป่า มันมืดและมองไม่เห็นอะไรเลย ผมอาศัยแสงจากมือถือส่องนำทางแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มเดินไปทางไหน ในใจก็กลัวจะมีสัตว์ป่าออกมาหากินตอนกลางคืน
“มึงเป็นใคร ทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียว” ผมตกใจเมื่อมีเสียงคนพูดมาจากด้านหลัง พอหันไปดูก็พบกับลุงแก่ๆ ผมหงอกทั้งหัวยืนอยู่ หน้าตาดุดันเหมือนกับไปโกรธใครมา ลุงใส่ชุดคล้ายๆกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้แต่ดูเก่าและเชยกว่ายังไงก็ไม่รู้ ไม่เหมือนชุดของเจ้าหน้าที่ที่ผมเห็นตอนแรก “ลุง ผมหลงทางช่วยพาผมขึ้นไปบนภูหน่อยสิ เดี๋ยวผมให้เงินก็ได้นะลุง” ผมรีบบอกออกไปและรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ตามกูมา กูจะพามึงไป” ผมโกรธมากที่ลุงพูดจากับผมแบบนี้สองครั้งแล้ว แต่ก็จำใจเพราะมีลุงคนเดียวที่จะพาผมไปหาเพื่อนๆ ผมเดินตามลุงมาได้สักพักก็มาหยุดอยู่ตรงป่าแห่งหนึ่ง “มึงเดินไปข้างหน้า ไม่นานก็เจอเพื่อนๆมึง แต่ก่อนมึงจะไปกูอยากเตือนให้มึงเลิกปากดีได้แล้ว” ผมโมโหมากที่ลุงมาว่ากันแบบนี้ “อะไรลุง ผมไปปากดีตอนไหน อย่ามาว่ากันแบบนี้นะแก่ก็อยู่ส่วนแก่ แค่มาส่งผมแค่นี้อย่ามาทำเก่ง มันหน้าที่ของลุงอยู่แล้วก็ลุงเป็นเจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลนักท่องเที่ยวดิ ตอนแรกว่าจะขอบคุณนะ แต่ไม่ล่ะลุงนั่นแหละที่ปากดี” ผมต่อว่าลุงเสร็จก็เตรียมตัวจะเดินไปตามทางที่ลุงบอก ความจริงทางที่ลุงพามานี่ใกล้มาก ไม่นานก็ถึง แต่ทำไมผมเดินตั้งนานก็ไม่ถึงสักที ผมก็ยังแปลกใจอยู่
ในขณะที่ผมกำลังจะเดินแต่อยู่ดีๆก็เหมือนไปสะดุดอะไรเข้าทำให้ล้มลง พอก้มลงไปดูก็เจอกับงูจงอางตัวใหญ่มาก มันแผ่แม่เบี้ยเหมือนกำลังจะฉกผม “ลุงอย่าเพิ่งไปช่วยผมก่อน ลุงช่วยด้วย” ผมเห็นลุงหันหลังอยู่และกำลังจะเดินไปเลยรีบขอความช่วยเหลือ แต่พอลุงหันหน้ามาและก้มลงมาที่ผม ใช้สองมือลูบไปที่งูเบาๆ ผมเงยหน้ามองลุงอาศัยแสงจากมือถือพอเห็นลางๆ ซึ่งนั้นทำให้ผมแทบสิ้นสติเพราะสิ่งที่ผมเห็นคือลุงไม่มีหัว กำลังจับงูขึ้นมาอุ้มและลุกขึ้นเดินหันเหลังให้ผมแล้วหายวับไปต่อหน้าต่อตาของผม
ผมตกใจรีบวิ่งไปข้างหน้า ปากก็ร้องตะโกนให้คนช่วยไปตลอดทาง หูก็ได้ยินเสียงหัวเราะก้องไปทั้งป่าดังอยู่ตลอดเวลา ผมวิ่งไปตะโกนโหวกเหวกไปจนเข้าใกล้บริเวณที่พักของเพื่อนๆ พวกมันได้ยินเสียงเลยรีบวิ่งเข้ามาหา พร้อมเจ้าหน้าที่อีกสามคน “ช่วยด้วย กูถูกผีหลอก” ผมร้องอย่างคนบ้า พวกเพื่อนๆมองหน้าผมและทำหน้างงๆ จากนั้นมันก็พาผมเข้าไปในบ้านพักของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่นำยาออกมาให้ผมเพราะเห็นว่าที่ขาผมมีรอยกิ่งไม้เกี่ยวเป็นทางยาวและมีเลือดออก เจ้าหน้าที่ใส่ยาให้ผม และฟังที่ผมเล่า จึงลุกขึ้นไปหยิบรูปรูปหนึ่งมาให้ดู
“นี่แหละ ลุงคนนี้เป็นผี ผมเห็นเขาไม่มีหัวด้วย” เจ้าหน้าที่ยิ้มให้ผมก่อนจะเล่า “ลุงแกชื่อทิม เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว แกเสียชีวิตไปตั้งนานแล้วล่ะ แต่ก็ยังมีคนเห็นแกในป่าอยู่เรื่อยๆนะ ส่วนมากคนที่เห็นคือนักท่องเที่ยวที่หลงทางหาทางกลับไม่ถูก แกก็จะมาช่วยบอกทางให้ แล้วก็คนที่ไม่เคารพป่า ลุงแกไม่เคยทำร้ายใคร แกแค่มาช่วย บางทีแกก็มาเตือน ที่น้องโดนหลอกเพราะแกมาเตือนว่าอยู่ในป่าให้เคารพป่า การมาเที่ยวป่าที่ดีคือมาเที่ยวให้สนุก และรู้จักเคารพซึ่งกันและกัน มันไม่ได้ยากเกินไปไม่ใช่เหรอ ผมพยักหน้าอย่างรู้สึกผิด
เจ้าหน้าที่เล่าว่าที่ผมเจอยังน้อยมาก มีคนที่มาลองดีมากกว่านี้ แล้วก็เจอลุงแกห้อยหัวลงมาจากต้นไม้บ้าง หรือเห็นมายืนอยู่ปลายเท้าบ้าง บางทีก็ถูกลากไปอยู่กลางป่าแล้วลุงแกก็มาพากลับทั้งๆที่ไม่มีหัว ถ้าวิ่งหนีก็จะวิ่งกลับมาเจอลุงไม่มีหัวยืนรออยู่ที่เดิม จนเป็นลมสลบไปเอง พอตื่นมาก็พบตัวเองมานอนอยู่ในที่พักเหมือนเดิม ผมยิ่งฟังยิ่งขนลุก เจ้าหน้าที่ยังบอกกับผมว่าถ้าแค่เคารพสถานที่ที่ตัวเองไปอยู่ไปพักยังทำไม่ได้ แล้วชีวิตนี้จะไปทำอะไรได้ ผมนี่ถึงกับเงิบเลยทีเดียว ก่อนกลับผมได้ขอโทษกับเจ้าหน้าที่ทุกคน และจุดธูปขอโทษกับลุงท่านนั้นด้วยและขอให้ลุงช่วยให้พวกเราเดินทางโดยสวัสดิภาพ หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ไปปากดีที่ไหนอีกเลย กลัวเจอดีอีกน่ะครับ เข็ดจนตายเลย