ผมเชื่อว่า ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับสถานที่ลี้ลับ คงจะรู้จักสถานที่แห่งนี้ อู่รถเมล์เก่า ณ ซอยสายหยุด
เขาว่ากันว่า สถานที่แห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นอู่รถเมล์เก่ามาก่อน แล้วในเวลาต่อมา ตำรวจได้เข้ามาใช้พื้นที่นี้ เป็นสถานที่สำหรับเก็บซากรถที่เคยเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งบางคัน ก็มีคนตายอยู่ในรถด้วย
และด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้พื้นที่นี้ ถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นสถานที่เฮี้ยนทันที เนื่องจากแทบทุกคืน มักจะมีคนที่ผ่านหน้าสุสานรถนี้เจอกับเหตุการณ์แปลกๆ อยู่บ่อยๆ บางทีก็เห็นว่ามีคนมายืนโบกรถ แต่พอเข้าไปใกล้ก็หายไป หรือไม่ก็มักจะมีคนวิ่งตัดหน้า แล้วหายไปดื้อๆ ทำให้แทบไม่มีใครกล้าใช้ทางนั้นในเวลากลางคืน
ความเฮี้ยนของสุสานรถเก่าแห่งนี้ เป็นที่ร่ำลือกันทั่วไป มีหลายคนที่กล้าเข้ามาลองของในสถานที่แห่งนี้ แล้วได้เจอกับเหตุการณ์แปลกๆ ที่ทำให้ไม่กล้ากลับไปที่นั่นอีกเลย โดยจะขอยกมาเป็นกรณีศึกษา 1 กรณี นั่นก็คือ บาส
บาส เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง งานอดิเรกของเขา นอกจากการเรียนแล้ว พอตกกลางคืน เขามักจะไปลองของในสถานที่ต่างๆ ด้วยตัวคนเดียวอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านร้าง ตึกร้าง เคยถามอยู่เหมือนกัน ว่าไปคนเดียวไม่กลัวหรือไง บาสก็ตอบรับมาอย่างหน้าชื่นตาบานว่า ใช่ แต่เป็นเฉพาะเมื่อก่อนนะ จนกระทั่งได้ไปที่สุสานรถเก่านี่แหละ เลยทำให้เปลี่ยนใจ ไม่กล้าไปลองของที่ไหนอีกเลย
บาสเล่าว่า ครั้งหนึ่ง เขาได้ไปลองของที่สุสานรถเก่าแห่งนี้ สถานที่นี้ อาจถือว่าเป็นที่สุดท้ายในทริปก็ว่าได้ เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่กล้าไปลองของที่ไหนอีกเลย เนื่องจากเจอเหตุการณ์แปลกๆ ชวนขนหัวลุก จนทำให้เชื่อแล้วว่าผีมีจริง
ครั้งนั้น พอบาสมายืนอยู่ด้านหน้าสุสานรถเก่า เขาก็รู้สึกสยอง ขนหัวลุกแบบแปลกๆ อาจเป็นเพราะว่าพื้นที่นี้ เต็มไปด้วยซากรถเก่าก็เป็นได้ แต่ส่วนตัวของบาสเชื่อว่า ความรู้สึกดังกล่าว ไม่น่าจะมาจากบรรยากาศรอบๆ แต่มันมาจากความรู้สึก ที่เหมือนกับมีคนจำนวนมากกำลังมองอยู่มากกว่า
บาสสูดลมหายใจ ก่อนจะก้าวช้าๆ เดินเข้าไปในสุสาน รอบๆ เต็มไปด้วยซากรถนานาชนิด ทั้งรถยนต์นั่งธรรมดา รถกระบะ ไปจนถึงรถเมล์ ซึ่งแต่ละคันก็พังมาก พังน้อยแตกต่างกันไป บางคันยังมีสภาพดี พอให้รู้ได้ว่าเป็นรถรุ่นอะไร แต่บางคันเรียกได้ว่าพังยับเยินเลยทีเดียว
ในขณะที่กำลังเดินดูสิ่งต่างๆ ในสุสานรถอยู่นั้น จู่ๆ บาสก็ได้ยินเสียงแตรดัง ปริ๊น เสียงดังลั่น จนบาสถึงกับสะดุ้ง รีบหันไปมองรอบๆ ทันที ตอนนั้นบาสไม่ได้กลัวผีหรอก แต่กลัวตำรวจที่จะเข้ามาที่นี่กลางดึก แล้วเข้าใจว่าเขาเป็นโจรที่เข้ามาลักขโมยเหล็กซากรถมากกว่า แต่พอหันไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งอื่นใด นอกจากความมืด
บาสเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่เขาก็ยังเดินลึกเข้าไปในสุสานรถขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงท้ายสุสาน ซึ่งที่นั่นมีรถเมล์คันใหญ่จอดอยู่ สภาพของรถเมล์นั้นยับเยิน ด้านหน้ายุบไปเกือบครึ่ง
แวบหนึ่ง บาสคิดว่า เขาได้เห็นเงาดำๆ อยู่บนรถเมล์คันนั้น แต่พอฉายไฟขึ้นไป เงาดำนั้นก็หายไป เขาเลยคิดว่า คงจะตาฝาดไปเอง
มีเสียงรถยนต์ดังขึ้นด้านหลัง เป็นเสียงเหมือนกับเวลาที่เราสตาร์ทรถ แล้วเหยียบคันเร่ง ทั้งๆ ที่ยังเป็นเกียร์ว่างนั่นแหละ เสียงดัง บรึ๊น บรึ๊น บรึ๊น
บาสสะดุ้งอีกหน เขาหันกลับไปมองด้านหลัง แต่ก็ยังพบว่า รอบตัวมีแต่ความมืดมิด และซากรถนานาชนิด ไม่มีใครขับรถเข้ามาในสุสานแห่งนี้เลย
บาสเริ่มเห็นท่าจะไม่ดี เขาตั้งท่า แล้วหันหลังจะเดินออก แต่ก็มีเสียงแตรรถดัง ปริ๊น ดังขึ้นที่ด้านหลังอีก บาสหันกลับมามอง
แล้วเขาก็ได้เห็นว่า ซากรถเมล์ ที่เมื่อกี้อยู่ในสภาพมืดมิด ตอนนี้มันเปิดไฟสว่างทั้งคัน แถมยังมีคนอยู่บนรถคันนั้นประมาณ 2-3 คน แต่สภาพของแต่ละคนนั้นยับเยิน บางคนแขนทั้งสองข้างหักจนผิดรูป บางคนคอหักพับไปด้านหลัง บางคนยังดูปกติ แต่มีเศษกระจก เศษเหล็ก ปักตามตัวเต็มไปหมด ที่สำคัญ คนพวกนั้น กำลังหันมามองบาสเป็นตาเดียว
คราวนี้ บาสไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาหันหลัง ก่อนจะโกยอ้าวออกมาจากอู่อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงเบิ้ลเครื่องยนต์ เสียงแตรรถที่ดังสนั่น ระคนกับเสียงหัวเราะ บาสวิ่งอยู่สักพักหนึ่ง และในที่สุด เขาก็หนีออกมาจากสุสานรถนั้นได้
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา บาสก็เลิกคิดที่จะไปลองของที่ไหนอีก และเขาเชื่อแล้วว่า สิ่งที่ไม่เห็น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่ ถ้าเกิดยังดื้อไปลองของอีก ไม่รู้ว่าเจ้าของสถานที่ จะปล่อยออกมาเหมือนครั้งนี้หรือไม่