ตามคติความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของภูตผีวิญญาณ มีอยู่ข้อหนึ่งที่ระบุว่า ถ้าเกิดคนเราตายไปในขณะที่ยังมีห่วง วิญญาณจะยังไม่ไปไหน และกลับมาวนเวียนอยู่ ณ สถานที่เดิมๆ
ส่วนตัวของผม มีความเชื่อในเรื่องที่ว่านี้อย่างสุดจิตสุดใจ เนื่องจากเคยได้ประสบกับเหตุการณ์ ที่มีญาติผู้ใหญ่ของตัวเองคนหนึ่งได้เสียชีวิตไป ในขณะที่ยังมีห่วงอยู่ แล้วพอหลังจากนั้น ก็เกิดเรื่องแปลกๆ ที่ไม่อาจจะอธิบายได้ตามมามากมาย
ญาติผู้ใหญ่ที่ว่านั้น ก็คือยายของผมเอง โดยปกติ ยายจะเป็นคนแก่ที่ค่อนข้างร่าเริง ไม่เคยมีปัญหาอาการวีน เหวี่ยง ใส่ลูกหลานของตัวเอง เหมือนกับคนแก่คนอื่นๆ ในวัยเดียวกันเลย ด้วยเหตุนี้ ทำให้มักจะมีลูกๆ หลานๆ ไปมาหาสู่ยายอยู่เสมอ
คราวนี้ เรื่องมันมาเริ่มตั้งแต่ตอนที่ยายเริ่มมีอาการผิดปกติ เมื่อไปหาหมอ ปรากฏว่ามีการตรวจพบโรคมะเร็งในลำไส้ แถมยังเป็นระยะที่ค่อนข้างหนัก หมดหนทางรักษาให้หายแล้วด้วย แต่ก็น่าแปลก ตรงที่ยายยังคงแข็งแรงเหมือนกับคนปกติทุกอย่าง มีอาการผิดปกติเพียงแค่ถ่ายเป็นเลือดเท่านั้น แต่พอตรวจพบ อาการของยายก็เริ่มทรุดลง เหมือนกับแกรู้ตัว ว่าตัวเองคงจะไม่รอด
ลูกหลานทั้งหลาย เมื่อได้ทราบข่าวดังกล่าว แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีความเสียใจเป็นธรรมดา แต่ที่มันไม่ธรรมดาขึ้นมา ก็เพราะว่า ในบรรดาญาติๆ ของผม จะมีบางคนที่มีทิฐิสูง แล้วเที่ยวโทษคนนั้นคนนี้ ว่าดูแลยายยังไง จึงปล่อยให้ยายเป็นมะเร็งหนักขนาดนี้ โดยเฉพาะป้าของผมซึ่งเป็นคนดูแลยายอย่างใกล้ชิดที่สุด ถูกญาติคนอื่นๆ รุมว่ามากที่สุด และยิ่งนับวันที่ยายยิ่งอาการทรุดลง ญาติพี่น้องก็เอาแต่โทษกันไปโทษกันมามากขึ้น จนในที่สุด บางคนถึงขั้นไม่มองหน้าใครเลยทีเดียว
เหตุการณ์ดังกล่าว รับรู้ไปถึงหูของยาย ที่ตอนนั้นอาการทรุดหนักแล้ว แต่ยังพูดคุยได้ แม่ผมเล่าว่า วันที่เข้าไปเยี่ยมยาย ยายถึงกับออกปากมาเลยว่า “กูไม่อยากให้พวกมันทะเลาะกันเพราะกูเลย” แล้วก็ร้องไห้ จนทำให้แม่เสียใจ แล้วก็ร้องไห้ตามไปด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาทางแก้อย่างไร จึงจะทำให้ญาติพี่น้องเลิกทะเลาะกัน แล้วกลับมาปรองดองกันได้
ยายมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน แกก็หมดลมไป แต่การสิ้นบุญของยาย กลับไม่ได้ทำให้ญาติพี่น้องมีความสามัคคีกันขึ้นมาบ้างเลย ซ้ำร้าย ดูเหมือนว่าปัญหาความแตกแยกจะยิ่งบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งในงานศพ ป้าคนใหญ่ กับน้าที่เป็นลูกคนเล็ก ก็ยังมาทะเลาะกันบนศาลาสวดศพ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นยังมีแขกนั่งกันอยู่เต็มศาลาด้วยซ้ำ เนื่องจากป้าคนใหญ่ เห็นว่าขนมที่เอามาใช้เลี้ยงแขกนั้นดูกิ๊กก๊อกเกินไป ทีนี้พอด่ากันไปด่ากันมา เลยพาลไปถึงเรื่องการดูแลยายก่อนเสียชีวิต ประมาณว่า ถ้าแกหมั่นเข้ามาดูยายมากกว่านี้หน่อย ยายก็คงไม่เป็นมะเร็งหรอก เลยทำให้เห็นได้ว่า เรื่องสาเหตุของโรคมะเร็ง กลายเป็นปมในใจของญาติพี่น้องแต่ละคนไปแล้ว
หลังจากที่เกิดปัญหาการบาดหมางระหว่างพี่น้องแต่ละคนขึ้นมาแล้วนั้น ภายในบ้านที่ยายเคยอยู่ ก็เริ่มมีเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นมา เป็นต้นว่า แทบทุกคืน น้าที่อาศัยอยู่ในบ้านนั้น จะได้ยินเสียงคนเดินเคาะไม้เท้าดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก เดินจากชั้น 1 ขึ้นบันไดมาที่ชั้น 2 แล้วก็หายเข้าไปในห้องที่ยายเคยนอน พอเปิดเข้าไปดู ก็ไม่พบอะไรเลย หรือไม่ บางคืนก็จะได้ยินเสียงหม้อข้าวหม้อแกงในครัวกระทบกันดังลั่น เหมือนกับว่ากำลังมีใครรื้อค้นข้าวของอยู่ในครัวอย่างนั้นแหละ แต่พอเข้าไปดูก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ
ยิ่งนานวัน เหตุการณ์แปลกๆ ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกที บางครั้งคนในบ้าน จะได้ยินเสียงอาบน้ำดังมาจากห้องน้ำด้านหลัง อันเป็นห้องน้ำที่ยายเคยใช้ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรละ ก็ในเมื่อตั้งแต่ยายตาย ห้องน้ำนั้นก็ถูกล็อกด้วยแม่กุญแจจากด้านนอก ใครจะเข้าไปอาบน้ำได้ และที่หนักสุด คงจะหนีไม่พ้น สมาชิกในบ้าน เริ่มเห็นยายมานั่งอยู่จุดนั้น จุดนี้ในบ้าน จนทุกคนต่างกลัวขนหัวลุกกันไปหมด
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่น้านอนหลับอยู่ น้าก็ได้ฝันถึงยาย ในฝัน ยายมานั่งอยู่ห้องโถงชั้นล่าง ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ยังไม่ทันที่น้าจะถามอะไร ยายก็พูดขึ้นมาว่า “กูไม่อยากให้พวกมึงทะเลาะกันเลย” หลังจากนั้นน้าก็สะดุ้งตื่น
หลังจากวันนั้น น้าเลยติดต่อไปหาญาติพี่น้องให้มารวมตัวกัน แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ทำให้ทุกๆ คน ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารยาย จากนั้นก็พูดคุยปรับความเข้าใจกันจนเรียบร้อย แล้วจึงไปจุดธูปบอกยาย ว่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ ตอนนี้ทุกคนเข้าใจกันดีแล้ว ขอให้ยายไปสู่สุคติเถิด
หลังจากนั้น ก็ไม่มีเหตุการณ์แปลกๆ ใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย