ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ สิ่งที่หลายคนต้องเจอ คงจะเป็นพวกสัตว์ต่างๆ ที่หลบซ่อนตัวมาตลอดหน้าแล้งออกมาหากินในช่วงนี้ แต่จะมีสักกี่คน ที่ต้องเจอกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติสุดสยอง จนแทบลืมไม่ลง
ลุงชัย คือหนึ่งในผู้ที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สุดสยองกลางฝน ทุกวันนี้แกยังบอกอยู่เลยว่า สิ่งที่เจอมา ไม่รู้ว่าตกลงมันคืออะไร ผี หรือปีศาจจากนรกกันแน่
เรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ในยุคที่การเดินทางด้วยรถยนต์ยังไม่เฟื่องฟู ผู้ที่จะมีรถยนต์ได้ ต้องเป็นคนมีฐานะเท่านั้น เพราะฉะนั้น บุคคลทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ จะอาศัยการสัญจรด้วยเรือเป็นหลัก หรือไม่ก็ต้องว่าจ้างรถรับจ้าง ที่ในยุคนั้นราคาสูงพอสมควร
ลุงชัยในขณะนั้น มีไร่อยู่ที่ชานเมืองกรุงเทพฯ เป็นไร่อ้อย แกหาเลี้ยงชีพด้วยการตัดอ้อยสดไปขายในที่ต่างๆ ทั้งตามโรงงานน้ำตาล ร้านขายน้ำอ้อย หรือแม้กระทั่งตามร้านยาแผนโบราณต่างๆ โดยที่ลุงชัยเป็นผู้ดำเนินการทั้งตัดเอง ส่งขายเอง มีคนช่วยแค่ภรรยาของแกเท่านั้น ไม่ได้ว่าจ้างคนอื่น
วันที่เกิดเรื่อง เป็นช่วงหน้าฝนพอดี ตอนนั้นลุงชัยบอกว่ารู้สึกจะเป็นช่วงประมาณหกโมงครึ่ง ถึงทุ่มหนึ่งได้ วันนั้นเป็นวันที่ฝนกำลังตั้งเค้า บรรยากาศมืดมิด ลุงชัยกับภรรยา เลยกะว่าจะเร่งตัดอ้อยให้ไวที่สุด ครั้นจะงดตัดในวันนี้ก็ไม่ได้ เนื่องจากต้องส่งอ้อยให้กับโรงงานน้ำตาลในวันพรุ่งนี้ สิ่งที่ทำได้ ก็คือ เร่งตัดให้ไวที่สุด ก่อนที่ฝนจะตกลงมา ลุงชัยกับภรรยา เลยตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันตัด แล้วขนมากองรวมกันไว้ที่ลานกลางไร่
ลุงชัยแยกไปตัดอ้อยคนเดียว ทางด้านทิศตะวันตกของไร่ บรรยากาศในตอนนั้นมืดครึ้มด้วยเมฆฝน แถมลมยังแรงด้วย ลุงชัยเลยต้องเร่งมือตัดอ้อย จนภายในเวลาไม่กี่นาที ก็ได้อ้อยกองใหญ่
ลุงชัยทำท่าจะขนอ้อยไปที่ลาน แต่ทันใดนั้น ฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้เขาต้องหนีไปหลบอยู่ในเพิงหมาแหงนใกล้ๆ ที่ทำไว้สำหรับหลบแดด หลบฝน ลุงชัยหลบอยู่ในเพิงนั้นเป็นเวลานานมาก แต่ฝนก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดเลย ซ้ำยังตกลงมาหนักกว่าเดิมอีก ลุงชัยเริ่มหนักใจ เพราะยิ่งเวลานานเท่าไร รอบๆ ตัว ก็ยิ่งมืดลงเรื่อยๆ และที่สำคัญ ในเพิงนั้นไม่มีไฟฟ้า แถมอุปกรณ์ส่องสว่างก็ไม่ได้เอามา ขืนยังรออยู่เป็นเวลานานๆ อาจจะเจอกับสัตว์มีพิษ อย่างเช่นงู แมงป่องได้
ลุงชัยลองสังเกตบรรยากาศด้านนอก ที่ตอนนี้ฝนกำลังตกกระหน่ำ เพื่อจะดูว่าพอจะวิ่งฝ่าออกไปได้ไหม แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นว่า ที่กลางสายฝน มีคนๆ หนึ่งกำลังยืนอยู่ เป็นผู้ชาย ผู้หญิง ใบหน้าเป็นอย่างไร ไม่รู้ เพราะสวมชุดคล้ายๆ เสื้อกันฝนสีเทาคลุมตัวไว้จนมิดชิด แต่น่าแปลก แม้บรรยากาศข้างนอกจะมืดลงๆ แต่ลุงชัยกลับสามารถมองเห็นคนๆ นั้นได้อย่างชัดเจน
“อีแล นั่นมึงหรือเปล่า” ลุงชัยตะโกนเรียก เพราะคิดว่าเป็นภรรยาของตนเอง (ลืมบอกว่าภรรยาของลุงชัยชื่อแล)
คนที่ยืนอยู่กลางสายฝน ยังคงอยู่นิ่งกับที่ ไม่ขยับเขยื้อน แต่ลุงชัยกลับรู้สึกว่า คนๆ นั้น เข้าใกล้เพิงที่ลุงชัยอยู่เข้ามาเรื่อยๆ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรละ ในเมื่อลุงชัยแกดูอยู่ตลอด แล้วก็ไม่ได้เห็นเลยว่าคนๆ นั้นจะขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ลุงชัยเริ่มเห็นท่าทางว่าไม่ค่อยจะดี แกถอยหลังเข้าไปในเพิง ก่อนจะหยิบเอาพร้าที่ใช้ตัดอ้อยขึ้นมา กะว่า ถ้ามาร้าย จะฟันให้หัวแบะเลย
คนที่อยู่กลางฝนนั้นเข้าใกล้มาเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็มาอยู่ใต้ชายคาหน้าเพิง และวินาทีนั้นเอง ที่ลุงชัยได้เห็นว่าคนๆ นั้นมีสภาพเป็นอย่างไร ซึ่งนั่นทำให้แกแทบเป็นลมไปเลยทีเดียว
ภายใต้เสื้อคลุม ที่แท้มันคือโครงกระดูกแท้ๆ เลยเชียว ศีรษะนั้นมีแต่กะโหล่ ตากลวงโบ๋ มองเห็นฟันเป็นซี่ๆ มือที่ยื่นออกมาจากแขนเสื้อ ก็มีแต่กระดูกทั้งนั้น ไม่มีเนื้อติดอยู่เลย และสภาพของกระดูก คงจะเป็นกระดูกเก่าๆ ของคนที่ตายมานานแล้ว พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังแว่วมาในอากาศว่า ฮะ ฮะ ฮะ และกลิ่นสาง เหมือนศพที่ตายมานานครัน ซึ่งการเปียกฝนของโครงกระดูกนั้น ไม่ได้ช่วยให้กลิ่นสางลดลงเลย
ลุงชัยไม่รู้จะทำอย่างไร แกค่อยๆ ถอยหลัง ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีฝ่าสายฝนออกไปจากเพิงทันที ไม่เหลียวหลังกลับมามองอีก หูแกยังได้ยินเสียง ฮะ ฮะ ฮะ ไล่หลังมา
ลุงชัยไม่รู้ว่าวิ่งไปทางไหน ผ่านอะไรบ้าง ตราบจนกระทั่งมาหยุดที่เพิงแห่งหนึ่ง โดยภรรยาของลุงชัยหลบอยู่ที่เพิงนั้น
“อ้าว มึงเป็นอะไรน่ะ วิ่งฝ่าฝนมาทำไม” ภรรยาของลุงชัยถาม แต่แกตอบกลับไปว่า ยังไม่ต้องถามอะไร เดี๋ยวกลับถึงบ้านก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง แต่เดี๋ยวค่อยมาเก็บอ้อยพรุ่งนี้ดีกว่า กลับบ้านเลย
ภรรยาของลุงชัยงงมาก แต่ก็กลับแต่โดยดี เมื่อกลับถึงบ้าน ลุงชัยจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ภรรยาฟัง ภรรยาแกตื่นเต้นมาก แล้วบอกว่า ดีนะที่กลับบ้านมาก่อน ถ้ายังอยู่ ไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีก
พอวันรุ่งขึ้น ลุงชัยและภรรยา ได้ไปตามเก็บอ้อยที่ตัดไว้ จนพอมาถึงเพิงที่เกิดเหตุ ทั้งสองก็ต้องอึ้งไป เพราะบนพื้นดินที่เปียกแฉะนั้น ยังมีร่องรอยของกระดูกอยู่บนพื้น เป็นหลักฐานอย่างดีว่า สิ่งที่ลุงชัยเจอมา ไม่ได้เป็นเพราะประสาทหลอน แต่แกได้เจอมาจริงๆ