ของที่เป็นมรดกตกทอดส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของเก่าที่มีคุณค่าทางจิตใจเป็นส่วนใหญ่ ถ้ามีคุณค่าทางราคาแล้วผู้ที่ได้รับสืบทอดอย่างผมเจอเข้า พอดีกับราคาที่ได้มานั้น พอที่จะเปลี่ยนจากเก่าเก็บมาเป็นบิ๊กไบค์ได้สักคน ก็ต้องแลกในทันที อย่างของที่เป็นมรดก เช่นพวกมีดเก่าที่เก็บไว้ก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก พอดีกับเพื่อนมาเจอเลยขอแลกรถกับมีด ไม่ต้องคิดมากกันเลย รถราคาเป็นแสนกับมีดราคาไม่กี่บาท แลกโลด
ในวันแรกที่แลกมาได้นั้น ผมก็พาแฟนสาวออกขี่มอไซด์เที่ยวในทันที รถคันนี้ขี่ดีนุ่มมาก วิ่งเป็นร้อยก็ยังนิ่งไม่มีสั่นเราต่างคนต่างพอใจที่ได้แลกของกันไป จนถึงช่วงเวลาเย็นก็ตัดสินใจกับแฟนว่าหาร้านอาหารเล็กๆ แวะทานกันก่อน เป็นร้านธรรมดาข้างทาง จุ่มแซบทั่วไป ในขณะที่เรากำลังนั่งกินกันอย่างอร่อย ก็มีลุงแก่ๆ เข้ามาขายพวงมาลัยผมก็ซื้อไปตามระเบียบที่มีฉายาประจำตัวว่า หล่อน่ารักและใจดี (ตั้งเอง) ก็ซื้อทุกคนที่มีคนมาขายแต่ก่อนที่ลุงเขาจะเดินออกจากร้านไป ลุงแกเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วนำเงินมาคืนให้กับผมและบอกกับผมว่า “พวงมาลัยลุงให้ฟรี ไม่เอาเงินก็ได้” แล้ว ลุงแกก็รีบ
ออกจากร้านหายไปในทันที ผมกับแฟนต่างก็งงเล็กน้อย เริ่มเกิดข้อสงสัยในใจขึ้นมาหรือว่าเราดูเป็นนักเลงไปหรือเปล่า
ในระหว่างที่ขี่มอไซด์กลับบ้านนั้นจู่ๆ ก็มีมอไซด์มาขับปาดหน้า 2 คัน พร้อมกับมีด ไม้ อาวุธครบมือ (คิดในใจตายแน่) แล้วหนึ่งในนั้นก็ลงมาหาผม พร้อมกับที่แฟนผมวิ่งเข้าไปกอดคนในนั้นพร้อมกับบอกให้ผมหนีไป ผมก็รีบกลับรถแล้วหนีออกมา แต่ในใจก็คิดว่าทำถูกแล้วหรือ ที่ทิ้งแฟนเราให้อยู่แบบนั้น พอผมออกมาได้ไม่นานนัก แฟนผมก็โทรมาบอกว่าขอโทษเราคบกันต่อไปไม่ได้แล้วเพราะสามีเธอรู้เรื่อง เธอมีผัวแล้วงงเลยเพราะคบกันมาเกือบ 3 เดือนไม่รู้เลย เริ่มงงแล้วอะไรกันได้รถมาวันแรกก็มีเรื่องเลย
กลับมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำเข้านอนตามปกติ ก่อนนอนผมก็จะไหว้พระในห้องพระทุกวัน แต่วันนี้เปลี่ยนไปห้องพระไฟดับเปิดไม่ติด ไม่เป็นไรใช้ตะเกียงไปก่อนเพราะดอกไม้ก็มีแล้ว ในจังหวะนั้นประตูห้องพระก็ปิดแล้วทุกอย่างในห้องก็เงียบหมด ผมได้ยินเสียงคนพูดว่า “กูดูแลรักษาพวกมึงให้มีความสุขกันมาตลอด แต่มึงกลับไม่คิดดูแลกู มึงจงอยู่คนเดียวให้รู้สำนึก” แล้วไฟในห้องก็ติดขึ้นมา พร้อมกับดอกไม้สดในมือที่แห้งเหี่ยวเหมือนไหว้พระมาเป็นเดือนแล้ว ผมตกใจลงมาที่หน้าบ้านมองหาพ่อกับแม่ก็ไม่เจอ แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น “ลูกแม่โทรหาหลายรอบทำไมไม่รับ แม่ไปต่างประเทศด่วนสัก 10 วันกับพ่อนะ เพราะเจ้านายต่างประเทศเรียกตัวด่วน ดูแลตัวเองนะ” ผมไม่ได้ทันพูดอะไรมากนัก แบตมือถือก็หมดไป ผมเริ่มใจเสียมากยิ่งขึ้น เพราะคำที่ผมได้ยินเมื่อครู่มันก้องอยู่ในหัวตลอด “ต้องอยู่คนเดียว” เรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับมีดของบรรพบุรุษแน่ๆ ผมรีบโทรหาเพื่อนเพื่อทำการแลกคืนพร้อมกับให้ค่าเสียเวลากับเพื่อน และเล่าเรื่องที่ผมเจอให้กับเพื่อนฟัง เพื่อนผมเข้าใจและยอมคืนให้ มันบอกว่าแต่ต้องเป็นอาทิตย์หน้าเพราะว่ามันไปเที่ยวเกาหลี มีดอยู่ที่บ้านหรือจะให้ผมไปเอาเองก็ได้ ผมตัดสินใจออกไปเอามีดทันที
ในจังหวะที่ออกมาถึงปากซอยนั้นมีเด็กวัยรุ่นเข้ามาปาดหน้าผมแล้วก็เข้ามากระทืบผม มันบอกแค่ว่าอย่าไปยุ่งกับเมียเพื่อนมันอีก ผมบาดเจ็บเล็กน้อยรีบกลับมาที่บ้านก่อน เพราะไม่ไหวที่จะไปต่อคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยไปแล้วกัน ออกไปแบบนี้คงไปไม่ถึงแน่
กลับมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำสำรวจตัวเองให้ครบทุกอย่าง ปรากฏว่าโทรศัพท์หายทุกอย่างอยู่ในนั้นทั้งหมด สติแตกไปพักใหญ่ ในช่วงจังหวะที่กำลังจะขึ้นไปพักผ่อนด้วยความที่เจ็บอยู่แล้ว ผมก็ตกบันไดซ้ำขาหักอีกรอบ คราวนี้ไม่สามารถขยับตัวได้เลย ผมนอนที่ด้านล่างตรงบันไดจนเช้า
รุ่งเช้าพยายามที่จะขยับตัวก็ขยับได้เพียงนิดหน่อยยิ่งขยับก็ยิ่งเจ็บโทรศัพท์บ้านก็อยู่ไกลเกินไป มือถือก็ไม่มีแต่ที่แปลกคือมีเพียงขวดน้ำวางอยู่ข้างตัวผม 2 ขวดนอกนั้นไม่มีอะไรเลย ผมพยายามขยับตัวเท่าไหร่ก็เหมือนว่าไม่เป็นผลเอาเสียเลย ตลอดทั้งวันผมต้องนอนอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถไปไหนได้ ตะโกนให้คนมาช่วยก็คงหมดประโยชน์แค่ออกเสียงร่างกายก็ระบบไปทั้งหมด ตอนนี้เหมือนว่าร่างกายเป็นอัมพาตไปเลยทั้งตัว แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า “สำนึกเมื่อไหร่ ก็จะดีขึ้นเมื่อนั้น” ผมนอนร้องไห้นานนับชั่วโมง พยายามคิดขอโทษทุกอย่างที่ทำไป แล้ววันนี้ก็หมดวันไปอย่างยาวนานเป็นที่สุด วันที่ 2 ผมก็พยายามทำสติไม่ให้หลุดไปไหนอีก แต่สิ่งที่ผมเห็นก็มีเพียงเงาดำๆเดินผ่านไปมา ผมคงจะบ้าไปแล้วเป็นแน่ ผมนอนอยู่ตรงนี้กว่า 72 ชั่วโมงแล้ว มีเพียงน้ำนิดหน่อยที่ได้กิน ผมตั้งสติแล้วกราบวอนขอว่าถ้ารอดไปได้จะดูแลมีดเล่มนั้นอย่างดีและบวชให้ 1 พรรษา แล้วเพื่อนผมก็มาหาที่บ้าน เข้ามาเจอผมทันที ตอนนี้ทั้งขี้ทั้งเยี่ยวเหม็นทั่วบ้านไปหมด ผมรอดตายแล้ว ผมจะทำทุกอย่างที่สัญญาไว้