การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นการท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย อย่างการไปเที่ยวป่าเที่ยวเขาถือว่าเป็นการเที่ยวที่ได้ความรู้สึกรักธรรมชาติมากขึ้น แต่สำหรับครั้งนี้อาจจะไม่อยากรักก็ได้ เพราะสิ่งที่ได้กลับมานั้น มันคือ….
การไปเที่ยวป่าครั้งนี้เราตัดสินใจนอนในป่าริมน้ำหนึ่งคืน เรากางเต็นท์นอนกันตรงนี้ ในทริปเรามีกันทั้งหมด 8 คน ตั้งใจไปกางเต็นท์กินเหล้าและชมอากาศหนาวที่รอมาทั้งปี ที่นี่เป็นป่าที่อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ อุทยานได้จัดเตรียมพื้นที่ตรงนี้ไว้ให้เรา ตกดึกพอกำลังเมาได้ที่ผมก็ได้ออกไปปลดปล่อยน้ำในตัวออกบ้าง ด้วยความที่เป็นคนกร่าง ผมเลยลองไปฉี่รดจอมปลวกแบบไม่เกรงกลัว เพราะผมคิดว่าผีไม่มีอยู่จริงแถมผมท้าทายด้วยว่า “ผีมันเรื่องหลอกเด็ก กูไม่เด็กแล้วโว้ย ใหญ่กว่าเด็กเยอะ” ท้าทายด้วยความเมา เพื่อนที่ได้ยินก็หัวเราะพร้อมกับห้ามไปด้วย เพราะการเข้ามาในป่าไม่ควรล้อเล่นกับเรื่องพวกนี้
เวลาล่วงเลยไปอีกนิดเหลือผมกับเพื่อน 2 คนที่นั่งดื่มกันต่อ ยิ่งดึกที่นี่ยิ่งหนาว ผมกับเพื่อนก็เห็นเหมือนใครมานั่งร้องไห้ที่ใต้ต้นไม้ไม่ห่างจากเรามากนัก ลักษณะเหมือนผู้หญิง พวกเราตกใจนึกว่าคนหลงทางก็รีบเรียกเพื่อนๆให้ออกมาช่วยกันดู เพราะดึกๆแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไรว่ามีคนหลงทาง แล้วถ้าหลงทางทำไมไม่เดินเข้ามาหาพวกเราล่ะ ผมและเพื่อนอีก 4 คนลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเธอคนนั้น แล้วเธอก็เดินเข้าไปในป่าพร้อมบอกว่า “ตามมาช่วยหน่อย” ผมกับเพื่อน 2 คนเข้าไปก่อนและอีก 2 คนก็เรียกเพื่อนที่เหลือให้ตื่นเพื่อมาช่วยกัน
ขณะนั้นผมเข้าไปไม่ไกลนักประมาณ 30 เมตรก็ต้องตกใจ หญิงสาวคนเดิมวิ่งย้อนกลับมาหาผมแล้วตรงเข้ามาบีบคอผม ยกผมลอยจากพื้น ผมหายใจไม่ออก! ส่วนเพื่อนผมอีกคนที่ตามมาด้วยวิ่งหนีไปก่อนแล้ว เธอพูดว่า “มึงอยากลองใช่ไหม” แล้วเธอก็คายเลือดออกมาจากปากแล้วเข้ามาในปากผม บอกว่า “มึงปากเก่ง คราวนี้มึงจะปากเก่งอีกไหม” แล้วเธอก็โยนผมลงกับพื้นอย่างแรง จากนั้นเพื่อนผมอีก 7 คนรีบวิ่งเข้ามาช่วย
ในปากผมตอนนี้เหม็นเน่าไปหมด เพื่อนผมทุกคนก็ได้กลิ่น ผมกลัวมากรีบไปล้างปากในแม่น้ำใกล้ๆและรีบเก็บข้าวของออกจากอทุยานทันที ในปากผมตอนนี้มีแต่สีดำและเหม็นตลอดเวลา เมื่อไหร่ที่อ้าปากจะมีกลิ่นเหมือนศพลอยออกมาจากปากผมเสมอ คนที่อยู่ใกล้ผมจะได้กลิ่นเน่าทุกคน…จนตอนนี้ผมไม่กล้าไปพูอย่างนั้นที่ไหนอีก
“ ผมต้องทำอย่างไรดีครับช่วยผมด้วย!!!”