อ่านหัวข้อแล้วอาจจะงง สงสัยว่าทำไม Breakfast จึงไม่ใช่อาหารเช้า และจริงเหรอที่ Dinner ไม่ได้แปลว่า อาหารเย็น ขอบอกว่าจริงครับแต่ทุกอย่างมีที่มา
เอาเป็นว่ามาฟังประวัติคำว่า Breakfast และ Dinner กันจะได้หายงงกัน
Breakfast นั้นมีรากศัพท์มาจาก Break และ Fasting ซึ่งแปลง่าย ๆ ว่า หยุดอดอาหาร ซึ่งโดยทั่วไปตามที่เรารู้จักก็หมายถึงหยุดจากการอดอาหารมานานจากตอนกลางคืนนั่นเอง และก็สรุปกันว่า Breakfast คือมื้ออาหารหลังจากที่เราไม่ได้กินมานาน ซึ่งยังไงความหมายก็ยังเป็นอาหารเช้าอยู่ดี ในความจริงแล้ว Breakfastไม่มีอยู่ในคำภาษาอังกฤษ (อ้าว แล้วที่วิเคราะห์เป็นตุเป็นตะก่อนหน้านี้ละ) แต่เป็นคำที่เอามาอีกทีจากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งใช้คำว่า disdéjeuner ที่แปลตรง ๆ ว่า un-fast แต่ความสับสนมันอยู่ที่ คำว่า disdéjeuner นั้นมันวิวัฒนาการมาจากคำว่า disner ในภาษาฝรั่งเศสยุคเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 และคำว่า “disner” นั้นก็คือคำว่า “Dinner” นั่นเอง ซึ่งก็หมายความว่า อาหารเช้าความจริงแล้วมันคือคำว่า Dinner จ้า (งง คูณ 2 ละซิทีนี้)
แล้ว Dinner ที่แปลว่าอาหารเช้ากลายมาเป็นอาหารเย็นได้อย่างไร?
และ Breakfast มาแทน Dinner ตอนไหน?
แล้วคำว่า Lunch มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ช่วงศตวรรษที่ 13 คำว่า disdéjeuner และ Dinner จะเป็นอาหารมื้อหลัก มื้อใหญ่ของแต่ละวัน (คล้าย ๆ บ้านเราที่จะกินกันแบบเต็มที่ในตอนเย็น) ซึ่งจะกินกันในช่วงกลางวันคือตั้งแต่เที่ยงจนถึงบ่าย แต่ทางฝรั่งเศสนั้นมื้อเช้าเขาจะกินกันน้อย ๆ เช่น ครัวซองต์ น้ำส้มแค่นี้ ต่างจากทางด้านอังกฤษที่จะกินกันเยอะ เป็นมื้อใหญ่ ๆ ยิ่ง Full breakfast ด้วยแล้วเรียกกันได้ว่าจัดเต็มกันเลย
ทีนี้ก็เกิดปัญหาไงเพราะเมื่อจัดชุดใหญ่ไปแล้วตอนเช้า ตอนเที่ยง ๆ จะให้จัด Dinner กันอีกก็คงไม่ไหวทั้งคนกิน ทั้งคนจัด เลยเลื่อนมื้อ Dinner ให้อยู่ช่วงเย็น ๆ หน่อย แต่ ก็มีบางคนที่เขาหิว รอไม่ได้ กว่าจะถึงเย็นก็ต้องหาอะไรรองท้องก่อน จึงเป็นต้นกำเนิดของคำว่า Lunch ขึ้นมาคั่นกลางระหว่าง Breakfast และ Dinner จนกระทั่งกลายมาเป็น 3 มื้อ Breakfast ,Lunch และ Dinner แบบที่เห็นในปัจจุบัน
คิดไปคิดมาก็แปลกเหมือนกันนะครับ การขยับปรับเปลี่ยนด้านภาษา กว่าจะกลายมาเป็นแบบที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ในภาษาไทยก็เช่นกัน ในทุก ๆวันจะเกิดคำศัพท์ใหม่ ๆ และการต่อยอดพัฒนาไปเรื่อย ๆ อย่ายึดติดกับคำเก่า ๆ ว่าต้องใช้แบบนั้น แบบนี้แล้วเอามาเป็นประเด็นดราม่ากันเลยครับ เอาเป็นว่าใช้คำไหน เข้าใจ และถูกกาลเทศะ ใช้ให้ถูกต้องกับบุคคลที่เราสื่อสารด้วยก็น่าจะเป็นการดีที่สุดครับและที่สำคัญ อย่าลืมรับประทาน Breakfast กันทุกวันด้วยนะครับเพื่อสุขภาพที่ดีของทุก ๆ คน
——
สั่งทำได้เลย บทความพร้อมรูป
ห้างหุ้นส่วนจํากัด มีดี ครีเอทีฟ สเตชั่น
WEBSITE : www.1000content.com
TEL : 09-1998-1997
LINE : @1000support