” ทุกคนรู้ว่ามันไม่ได้พูดกันง่ายๆแล้วว่าธุรกิจการเงินอยู่ในมือของคนไม่กี่ตระกูล เพราะบางตระกูลก็กระจุยกระจายกันไปช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่ดูเหมือนเป็นโลกของสโมสรเล็กๆของคนไม่กี่ตระกูล ก็กลายเป็นโลกการเงินแบบกว้าง คนที่ขึ้นมาบริหารก็มีไม่กี่คนที่มาจากตระกูลดั้งเดิม ตลอดเวลา 30 ปีที่ผมทำงานด้านการเงินมา ประเด็นนี้มันก็กลายเป็นเรื่องเล็ก ทุกวันนี้มันอยู่ที่เรื่องความโปร่งใส บริหารความเสี่ยงดีหรือเปล่า มากกว่าว่าคนนี้นามสกุลอะไร “
นั่นเป็นมุมมองของคนในตระกูลเพียงไม่กี่ตระกูลของประเทศนี้ที่กุมธุรกิจการเงินอย่างธนาคาร และ ล่ำซำ ก็เป็นหนึ่งในตระกูลที่ทำธุรกิจการเงิน อย่างธนาคารกสิกรไทย และคำกล่าวข้างต้นก็มาจาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย ทายาทล่ำซำรุ่นที่ 5 บัณฑูร ล่ำซำ ซึ่งเป็นคำพูดที่สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยและเห็นได้จากการปรับตัวของเครือธนาคารกสิกรไทยอยู่เสมอ
และอาจจะเรียกได้ว่าเป็น สไตล์ การบริหารธุรกิจแบบปรับตัว เพื่อให้รับกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ถือเป็นกลยุทธ์ของ ล่ำซำมาช้านานแล้ว
หากย้อนกลับไปดูจะเห็นว่าเดิมทีนั้นธุรกิจของตระกูลล่ำซำ สร้างธุรกิจมาในแบบฉบับธุรกิจครอบครัว เหมือนกับตระกูลอื่นๆแต่เมื่อเกิดกระแสการไหลเข้าของธุรกิจและทุนต่างชาติ ก็มีการปรับตัวให้สอดคล้อง นั่นคือดการเปิดทางให้ฝรั่งเข้ามาร่วมทุนและนั่งบริหาร เพราะนอกจากทุนแล้วมันยังเป็นแนวทางการเปิดรับองค์ความรู้ และเทคโนโลยีที่อีกซีกโลกใช้ทำธุรกิจด้วย
บัณฑูรเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน มุมมองก็ต้องเปลี่ยนจากเดิมธนาคารกับประกัน ก่อตั้งโดยคนของล่ำซำแต่ก็ต้องแยกกันไป เพราะธนาคารโตเร็วตามเศรษฐกิจ ขณะประกันโตช้า เพราะทัศนคติต่อประกันของคนไทยยังไม่ดี แต่เมื่อความเชื่อของลูกค้าเปลี่ยน ทั้ง 2 ธุรกิจจึงต้องเชื่อมเข้าหากัน กลายเป็นตลาดเดียวกัน นั่นเพราะลูกค้ามีความต้องการทั้งการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงพร้อมกัน
นอกจากความคิด วิธีการบริหาร ที่ชาญฉลาดมองการณ์ไกลแล้ว บัณฑูรยังชมชอบต่อศาสตร์การดูฮวงจุ้ยด้วย เขายอมทุ่มทุนปรับทุกอย่างตามที่ซินแสแนะนำ
” ผมเชื่อว่ามนุษย์ต้องทำกรรมดี ถึงจะออกมาดี แต่ระหว่างทางมีเทวดาช่วย ก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ก็ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง เทวดาถึงจะช่วย ” เป็นหนึ่งในเหตุผลของความเชื่อของซีอีโอแบงก์รวงข้าว
บัณฑูร ทำงานในธนาคารกสิกรไทยในช่วงแรกชีวิตของเขาถูกโปรแกรมไว้อย่างดีตามขั้นตอนท่ามกลางการเปลี่ยน แปลงในทางที่ดีขึ้นของธุรกิจตระกูล และหลังโปรแกรมจบลงเมื่อเขาขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการธนาคารไทยอันดับที่ 2 ในปี 2535 จากนั้นร่องรอยของการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้างของธุรกิจไทย และธนาคารไทยก็เริ่มปรากฏโฉมขึ้น
” ธนาคารเป็นเรื่องสากล เพราะว่าผู้ใช้บริการไม่สนใจว่าเจ้าของแบงก์นี้จะเป็นใคร เขาสนใจว่า เขาจะได้รับบริการที่ดีเท่านั้น แบรนด์เนมที่มันบางเต็มที หวังพึ่งไม่ได้ มีอยู่อย่างเดียวคือสนองความต้องการลูกค้าให้ได้ ” เป็นความคิด เรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของธนาคารไทยนับแต่บัณฑูรย่างเท้าเข้ามา
บัณฑูร ปรับบทบาทตัวเองจากทายาทของตระกูลเก่าแก่ที่มีรากฐานของสังคมไทยมาสู่มืออาชีพเพื่อรักษาธนาคารที่บริหารโดยคนไทย มากกว่ารักษาธุรกิจของตระกูลล่ำซำ เขาคำนึงถึงความสำเร็จของตนเองมากกว่าความสำเร็จของตระกูล
วิกฤติการณ์รุนแรงระบบธนาคารไทยปี 2540 ธนาคารกสิกรไทยได้ชื่อว่าเป็นธนาคารที่ปรับระบบบริการให้ทัดเทียมกับธนาคารต่างประเทศ เป็นธนาคารแรกๆที่สามารถปรับตัวอย่างรวดเร็ว
บัญชา ล่ำซำ แม้เป็นคนเจ้าระเบียบแต่ก็เป็นคนกว้างขวาง เป็นผู้นำที่นุ่มนวลประนีประนอมพอสมควร เป็นผู้นำลูกน้อง และผู้นำตระกูลที่สร้างความกลมเกลียว ในขณะที่ลูกอย่าง บัณฑูร ล่ำซำ แม้เจ้าระเบียบแต่ก็มีเพื่อนน้อย เข้มงวด ใช้อำนาจในการบังคับบัญชาค่อนข้างมาก กล้าตัดสินใจ ซึ่งนี่ก็ต้องว่ากันตามยุคสมัยที่เหมาะสมที่ย่อมแตกต่างกัน
ปรัชญาอย่างหนึ่งที่กสิกรไทยใช้สู้ในช่วงที่มีวิกฤติคือ เล็กเกินไปสู้ไม่ได้ จึงเป็นแรงบันดาลใจของการขยายสาขาอย่างมากมายที่สุดของกสิกรไทย
ปี 2537 กสิกรไทยเปิดฉากรื้อระบบการทำงานใหม่ ภายใต้แนวคิดรื้อและรวมปรับระบบองค์การ ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของระบบธนาคารไทย ที่รื้อกระบวนการทำงานเดิม ที่สร้างกันขึ้นมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง เน้นพัฒนาระบบและประสิทธิภาพของธนาคารให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ มองประสิทธิภาพของธุรกิจเป็นหลักโดยเชื่อว่าขนาดและเครือข่ายที่ใหญ่ไม่สามารถแทนประสิทธิภาพขององค์กรได้
” ไม่มีใครสนใจ ต่อให้ยอมรับว่าประสิทธิภาพสู้ไม่ได้ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะคิดกันว่าฉันยังกำไร ดูแล้วฉันจะกำไรมากขึ้น ไม่มีความหมายเลยที่จะไปพูดเรื่องประสิทธิภาพ คุณภาพ ช่วงนั้นยังไม่มีใครนึกภาพออกเลยว่าธุรกิจการเงินไทยจะมีต่างชาติเข้ามาเต็มเอียดไปจนถึงกระทั่งจะมาครอบงำ ” บัณฑูร เล่าถึงสถานการณ์ตอนนั้นที่ยังไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้ แต่เขาเริ่มเห็นเค้าลางของความเป็นไป
ธุรกิจในโลกยุคปัจจุบันต้องเน้นประสิทธิภาพขององค์กรเป็นสำคัญ จากรากเหง้าของความคิดซึ่งตกผลึกจากปรัชญาการบริหารระบบเศรษฐกิจ ปรับความคิดใหม่ให้สอดคล้องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
นี่คือความคิดหลักที่สำคัญของนักการธนาคารคนหนึ่งของสังคมธุรกิจไทย ซึ่งมีภาพสะท้อนอื่นๆที่ตามมาอีกจาก ความคิดใหม่ บัณฑูร มีความเชื่อในการบริหารด้วยความเข้มแข็งและเด็ดขาด มีบทลงโทษ เพื่อสร้างให้บุคลากรมีวินัย ขณะเดียวกันเขาก็เชื่อในเรื่องให้รางวัล ให้คนในองค์กรยอมรับวัฒนธรรมการให้ผลตอบแทนที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ
” ต้องกล้าตัดสินใจ ตัดสินใจเร็ว อันดับแรกผู้นำองค์กรต้องประมวลสถานการณ์ต่างๆอย่างชัดเจน ตัดสินใจทันกาล ถ้าจะทำ ต้องทำตั้งแต่ตอนที่มันไม่ชัด ประเมินตั้งแต่ตอนที่มันเทาๆขาวกับดำแล้วใครก็ทำได้ แต่ตอนที่มันเทาๆเราต้องตัดสินใจ ” นี่คือสิ่งที่บัณฑูรเน้นกับการรับบทเป็นผู้นำจากวันนั้นถึงวันนี้นานถึง36ปี และยังคงสืบเท้าต่อไปอย่างมั่นคง รวดเร็วสไตล์คนล่ำซำ
ที่มาของรูปภาพ : vijaichina.com
อยากมีบทความดี ๆ แบบนี้ สั่งซื้อเลย รับเขียนบทความ 1000content.com