ยังคงเป็นที่น่าจับตามองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวกับกระแสข่าวการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 1 % หลังจากกรณีที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบรายงานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สนช. เตรียมเสนอให้ ครม. พิจารณาปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 1 % เพื่อนำมาใช้จ่ายในเรื่องของการศึกษาและสาธารณสุข ตามที่เป็นข่าว ล่าสุดในวันนี้ 20 พฤษภาคม 2560 ทางด้านผู้บริหารกระทรวงการคลังได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สถานะทางการเงินคลังของประเทศยังคงมีสภาพคล่องที่ดี ยังไม่มีความจำเป็นที่จะปรับภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด
ภาพ : http://www.moneychannel.co.th, https://www.matichon.co.th/
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงกรณีที่ทาง สนช. มีความเห็นชอบให้ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 1 % นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะทางกระทรวงการคลังได้มีการปรึกษาหารือกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ทุกอย่างจะต้องพิจารณาด้วยความเหมาะสม และจะต้องมีความสอดคล้องและต้องดูสภาวะทางเศรษฐกิจในบ้านเราในช่วงนั้น ๆ ด้วย ว่าหากเพิ่มแล้วจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง และมองว่าในปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต้องปรับขึ้นภาษีเพิ่ม เพราะในขณะนี้เศรษฐกิจของไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยจะเห็นได้จากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีการขยายตัว ถึง 3.3 และมองว่าหากมีการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มในตอนนี้จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและประชาชนส่วนใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้มีการยื่นเสนอต่อ ครม. ให้พิจารณาขยายต่ออายุการใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% นี้ ไปอีก 1 ปี จากเดิมที่มีการสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2560 เพื่อที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยได้ขยายตัวและมีสภาพคล่องอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด และทางกระทรวงการคลังเองก็ได้มีการส่งเสริมผลักดันให้ใช้ระบบอีเพย์เมนท์ หรือการชำระเงินด้วยอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง ซึ่งหากทำได้ตามที่คาดเอาไว้ก็จะส่งผลให้มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแสนล้านบาทเลยทีเดียว และในส่วนของการเก็บภาษีลาภลอย เพื่อเรียกเก็บจากผู้ที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐนั้นทางกระทรวงการคลังกำลังอยู่ในระหว่างจัดทำรายการ ซึ่งหากผ่านการพิจารณาเห็นชอบก็จะมีผลใช้ได้ทันที
ภาพ : http://www.moneychannel.co.th, https://www.matichon.co.th/
จากเรื่องดังกล่าว ปลัดกระทรวงการคลังเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งอาจจะมีบางคนที่อาจจะเห็นชอบหรือ ไม่เห็นชอบกับมติที่เสนอให้ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 1 % ซึ่งเรื่องนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังจะต้องมีการปรึกษาหารือร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะการปฏิรูปภาษีเป็นการวางแผนการใช้จ่ายทั้งประเทศเพื่อลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตและการช่วยเหลือด้านสวัสดิการต่าง ๆ ของประชาชนในอนาคตจะต้องมีการวางแผนทั้งด้านรายรับและรายจ่ายให้สมดุลและรัดกุมมากที่สุด โดยยืนยันว่าในขณะนี้ไม่ได้มีสัญญาณเตือนหรือปัญหาทางการคลังอย่างที่เป็นข่าว แต่ในส่วนข้อเสนอของ สนช. ก็พร้อมที่จะนำไปพิจารณาในรายละเอียดด้วยเช่นกัน