เมื่อมีโอกาสได้มาเยือนที่ Front Room ร้านอาหารไทยพรีเมียม พูดได้คำเดียวว่าเริ่ด ทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหารล้วนดีงาม สมควรยกให้เป็นมื้อพิเศษสำหรับใครที่อยากมีช่วงเวลาดี ๆ กับครอบครัว กับเพื่อน หรือคนรักในวันพิเศษ จะว่าไปก็คือเหมาะกับการไปออกเดตด้วย เมนูที่นี่ทุกรายการเป็นมากกว่าอาหารไทยระดับหรู เมื่อเริ่มแรกที่ตัดสินใจไปกินก็ไม่ได้คิดอะไรมากแค่อยากลองดูว่าจะเข้าถึงไหม อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวด้วยความที่เป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายมาแต่ไหนแต่ไร เลยกลัวว่าจะมาเจออะไรที่ห่างไกลจากตัวตน แต่สุดท้ายเมื่อได้ลิ้มชิมรสและสัมผัสบรรยากาศแล้วก็ไม่ได้สูงจนเกินเอื้อมขนาดนั้น หากจะให้บรรยายความรู้สึกที่มีต่อ Front Room คือเป็นร้านอาหาร Fine Dining ที่หรูแต่อวลไปด้วยกลิ่นของแม่ที่กำลังทำกับข้าว ทำให้รู้สึกว่าได้มากินอาหารไทยที่คุ้นเคยมาก ๆ แค่หน้าตาอาหารเปลี่ยนไปจากเดิมเท่านั้นเอง
เมนูพื้นบ้านที่มีหน้าตาเปลี่ยนไปนั้น เป็นเพราะการผสมผสานความครีเอทีฟลงไปในอาหาร ทั้งวิธีทำอาหาร การพัฒนาส่วนผสม และความเป็นอาหารไทยธรรมดาที่ไม่ธรรมดา แม้จะไม่ได้สั่งมากินทั้งหมดแต่ก็แอบส่องมาแล้ว (สั่งหมดคงไม่ไหวแน่ ๆ เพราะเมนูเยอะมาก) โดย Head Chef คนไทยเป็นผู้สร้างสรรค์เมนูอาหารอย่างมีธีม มีการเลือกใช้วัตถุดิบของไทยทั้งพืชผักผลไม้ตามฤดูกาล (แน่นอนล่ะว่าผักและผลไม้ตามฤดูกาลย่อมเข้าถึงรสชาติได้เข้มข้นกว่านอกฤดู) พวกเนื้อสัตว์ก็มีทุกชนิด ปลา ไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว และนำสูตรอาหารตำรับโบราณมาปรับจูนเข้ากับกรรมวิธีการทำอาหารสไตล์ยุโรป ทำให้เห็นความแตกต่างที่ลงตัวมาก ๆ และจากการที่ได้ทำการบ้านก่อนไป ก็ได้รู้มาว่าสไตล์ยุโรปที่นำมาผสานกันนั้นเป็นแนวคิดที่เรียกว่า Nordic Cuisine ซึ่งอาหารสไตล์นอร์ดิกเป็นแนวอาหารที่เน้นวัตถุดิบท้องถิ่นที่สด ใหม่ ปลอดภัย ไร้สารพิษ แล้วนำมาผ่านกระบวนการง่าย ๆ ที่จะช่วยชูรสชาติของวัตถุดิบนั้น เช่น นำมาย่าง รมควัน หรือใช้วิธีหมักดอง บางชนิดก็กินสดเลย เพราะวัตถุดิบที่เลือกมาเน้นความเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว รังสรรค์ออกมาเป็นอาหารจานไทยที่มีกลิ่นอายตะวันตก ด้วยรสชาติที่ถึงเครื่องเต็มปากเต็มคำ
เอาละ ถ้าพร้อมแล้วไปชิมกันเลยสำหรับมื้อสุดหรูวันนี้ เล็งมานานแล้ว เริ่มด้วย ‘ข้าวเกรียบกุยช่าย’ ออเดิร์ฟดาวเด่นของที่นี่ เพราะเป็นคนที่ชอบกินขนมกุยช่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และซื้อจากตลาดเป็นประจำ ทำให้เรามีภาพจำกับกุยช่ายแบบเดิม ๆ แต่พอได้กัดเข้าไปคำแรกถึงกับอึ้งเลย กุยช่ายในเวอร์ชันข้าวเกรียบแผ่นบางกรอบ เนื้อสัมผัสบางเบาละมุนลิ้น มีดิปปิ้งเป็นซีอิ๊วดำหวานกลมกล่อม ให้คะแนนเต็มทั้งหน้าตา รสชาติ เนื้อสัมผัส เรียกน้ำย่อยจนพยาธิตื่น หากจะบอกว่ามันเปลี่ยนประสบการณ์ที่เคยมีต่อเมนูกุยช่ายเดิม ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์และลงตัวจริง ๆ เพราะมันยังทำให้นึกถึงขนมกุยช่ายในเวอร์ชั่นที่เท็กซ์เจอร์กรุบกรอบ
จากนั้นก็เลือกที่จะสั่งเมนูสุดคลาสสิกอย่างไข่เจียวจนเพื่อนที่มาด้วยอ้าปากค้างและงงว่ามาที่นี่แล้วสั่งไข่เจียว? คือต้องบอกเลยว่าอยากสั่งเพื่อลองของ อยากกินอาหารธรรมดาที่ไม่ธรรมดาสักครั้ง และก็ไม่ผิดหวังกับความเรียบง่ายแต่หรูเพราะนี่คือ ‘ไข่เจียวปูผัดผงกะหรี่’ ที่หน้าตาดีมาก ทั้งไข่และเนื้อปูนุ่มยกกำลังสอง ความฉ่ำหวานของเนื้อปูชุ่มด้วยซอสแกงกะหรี่สุดนัว กินคู่ข้าวสวยร้อน ๆ ได้อารมณ์ประมาณนั่งกินข้าวที่แม่ทำให้ แต่แค่ไข่เจียวที่บ้านไม่มีซอสราดเก๋ไก๋แบบนี้
มีอีกหลายเมนูที่อารมณ์เดียวกัน อย่างแกงไตปลานี่หรอยจังฮู้ ถึงแม้จะไม่เผ็ดแรงเท่าปักษ์ใต้ขนานแท้แต่ก็มีความนัวและรสไม่อ่อน คนไม่กินเผ็ดสามารถเข้าถึงได้สบาย ๆ มัสมั่นไก่อบเป็นเมนูหนึ่งที่ทำให้คิดถึงแม่มาก ๆ เพราะแม่ทำบ่อย แตกต่างกันตรงที่แม่ไม่ได้ใช้ไก่อบ แต่ที่นี่เขาอิงคอนเซปต์อาหารนอร์ดิก ไก่ที่เป็นวัตถุดิบของเมนูนี้จึงต้องผ่านการอบดึงรสชาติ ซึ่งพอได้ชิมแล้วก็เข้าใจเลยว่าวิธีนี้ช่วยชูรสได้ดีจริง ๆ เข้มข้นตามแบบฉบับครัวไทยและมีความเผ็ดกลางอร่อยกำลังดี ที่สั่งมาวันนี้ยังมีฮ่อยจ๊อปู ยำมะเขือยาวปลากะพง และเสือร้องไห้ เมนูสุดท้ายนี้ที่ใช้เนื้อวากิว ย่างแบบ Rare สุกนอกข้างในฉ่ำ มีความละมุนมาก
โดยส่วนตัวแล้วเวลากินอาหารไทยประเภทแกง จะไม่ค่อยชอบกินคู่กับข้าวกล้อง หรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ แต่มาที่นี่เป็นข้อยกเว้นได้เลย ข้าวที่นี่เป็นข้าวสีม่วงจากอีสาน อร่อยนุ่มเหมือนข้าวหอมมะลิ สามารถกินกับกับข้าวทุกจานได้อย่างลื่นคอ สุดท้ายสำหรับมื้อนี้ เราจบด้วยของหวานสุดฟิน ชีสเค้กมะพร้าว ในแบบฉบับของตะวันออก-ตะวันตกที่เนียนเอามาก ๆ จัดเสิร์ฟอย่างครีเอทมาในลูกมะพร้าวเต็ม ๆ เลย ข้างในจัดมาอย่างครบสูตรทั้งวุ้นมะพร้าว แคร็กเกอร์บด และมีชั้นหัวกะทิเพิ่มให้อีก ทั้งหวานทั้งมันแต่ดีกรีความหวานกำลังดี ใครได้ชิมหยุดไม่ได้แน่นอน
ใครอยากมี Moment หรู ๆ กับครอบครัว กับเพื่อนหรือกับแฟน มาได้เลยที่ Front Room ห้องอาหารสุดเริ่ดในโรงแรม Waldorf Astoria ถนนราชดำริ กรุงเทพฯ ร้านอยู่ชั้น Lower Lobby ด้านหน้าสุดของโรงแรม ที่นี่บรรยากาศดี มีความเป็นไทยที่แฝงอยู่ในอินทีเรียร์การตกแต่งอันหรูหรา ส่วนราคาก็ต้องยอมรับว่าอยู่ในระดับพรีเมียม แต่ไม่ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับคุณภาพของอาหาร และการให้บริการที่เอกซ์คลูซิฟ พนักงานพูดจาไพเราะน่าฟังและอัธยาศัยดี จะว่าอวยก็ไม่ใช่ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวมากกว่า แค่รู้สึกได้ว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งความประทับใจเท่านั้นเอง แนะนำค่ะ