ภาพ : www.lovethailand.biz
เป็นข่าวให้ได้อกสั่นขวัญหายกันอีกแล้ว กับเรื่องของวัตถุระเบิดที่เหมือนกับความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เพราะเรื่องก่อเหตุระเบิดทั้ง 3 จุดก่อนหน้านี้ที่ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ แต่กลับมาเกิดเหตุพบวัตถุต้องสงสัยอีก 2 ราย เมื่อวานนี้
ภาพ : https://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9600000055059
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา มีพลเมืองดีแจ้งว่าพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดอยู่ใกล้กับ MRT ศูนย์วัฒนธรรม ข้าง ๆ ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เป็นที่รกร้าง ตรงข้ามกับอาคารบริษัทอาร์เอส ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดก็รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที และได้พบวัตถุคล้ายไปป์บอมบ์ มีลักษณะเป็นท่อทำจากเหล็กห่อทับด้วยถุงพลาสติกสีดำถูกทิ้งอยู่ในตะกร้าพลาสติก มีขดยากันยุงต่ออยู่คาดว่าผู้นำมาทิ้งไว้ตั้งใจใช้เป็นชนวนจุดระเบิด แต่โชคดีที่มีฝนตกลงมา ขดยากันยุงที่จุดไฟไว้จึงดับไปก่อน
หลังจากเจ้าหน้าที่เก็บกู้กลับไปตรวจสอบอย่างละเอียดเพิ่มเติมพบว่าวัตถุดังกล่าวเป็นระเบิดไปป์บอมบ์จุดชนวน ในท่อเหล็กมีดินดำไม่มีสะเก็ด แต่หากระเบิดตัวท่อเหล็กจะเป็นสะเก็ดอัตโนมัติ คาดถูกนำมาทิ้งไว้กว่า 1 เดือนแล้ว ระเบิดมีลักษณะเหมือนกับที่พบย่านมีนบุรี ปี 2557 และทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามพารากอน ปี 2558
อีกที่เป็นถนนพระราม 2 บริเวณตรงข้ามห้างเซ็นทรัลพระราม 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมชุดเก็บกู้ระเบิดและทหารได้เดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่ทันทีหลังจากได้รับการแจ้งเหตุ โดยได้มีการกั้นพื้นที่และปิดเลนถนนด้านนอกที่มุ่งหน้าไปดาวคะนองทั้ง 2 เลน บริเวณดังกล่าวเป็นพุ่มไม้ใต้สะพานลอย ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นกล่องไปรษณีย์เปล่าเท่านั้น ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บกล่องกลับเพื่อตรวจสอบต่อไป
วันนี้ 31 พฤษภาคม 2560 ฝ่าย คสช. ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวโดยไม่ได้ฟันธงว่ามีความเชื่อมโยงกับกรณีข่าวระเบิด 3 จุดก่อนหน้านี้ที่หน้ากองสลากเก่า หน้าโรงละครแห่งชาติ และโรงพยาบาลมงกุฎเกล้าหรือไม่ เชื่อว่าวัตถุต้องสงสัยที่พบที่ MRT ศูนย์วัฒนธรรมนั้นน่าจะเกิดจากการตรวจตราที่เข้มงวดในช่วงนี้ จึงทำให้ผู้ครอบครองกลัวเลยนำมาทิ้งไว้ และยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและเข้มงวดเรื่องการข่าวให้มากขึ้น
ภาพ : https://www.thairath.co.th/content/957393
ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยที่ต้องมาเจอกับข่าววัตถุต้องสงสัยเหมือนระเบิดแบบนี้บ่อย ๆ แต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จัดการต่อไป สิ่งที่ประชาชนอย่างเรา ๆ จะทำได้ดีที่สุดก็คือต้องตั้งสติไม่ต้องตระหนกตกใจจนเกินเหตุ สำคัญที่ต้องติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นที่ตรงไหนจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทัน เช่น ถ้าพื้นที่พบวัตถุต้องสงสัยเป็นทางผ่านกลับบ้านหรือไปที่ทำงาน ก็ให้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น
ทั้งสองกรณีที่พบวัตถุต้องสงสัยนี้ เป็นการแจ้งเหตุของพลเมืองดีที่ได้พบเห็นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมากที่ทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบอะไรที่ดูแปลกตา น่าสงสัย มีพิรุธ ก็ให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้ก่อนจะดีที่สุดค่ะ มีอะไรจะได้ป้องกันแก้ไขได้ทันท่วงที