หนึ่งในอาหารเสริมสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะเลือกซื้อดื่มในทุก ๆ เช้าก็คือ น้ำเต้าหู้ บ้างก็ชอบแบบใส่เครื่องใส่ฟองเต้าหู้เยอะ ๆ แต่บางคนก็อาจจะชอบดื่มน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ เพียว ๆ มากกว่า ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าในน้ำเต้าหู้ไม่เพียงจะประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคนเราเทียบเท่ากับนมเท่านั้น แต่น้ำเต้าหู้ยังสามารถดูดซึมเข้าร่างกายของคนเราและย่อยได้ง่ายมากกว่าร้อยละ 90 อีกด้วย แต่ก็ใช่ว่าการดื่มน้ำเต้าหู้เป็นประจำทุกวันจะมีแต่ข้อดีอย่างเดียวเท่านั้น จากการวิจัยล่าสุด หากดื่มน้ำเต้าหู้ในปริมาณที่มากเกินไป จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้เช่นกัน จริงหรือไม่ และเพราะอะไรกัน
- เสี่ยงต่อความผิดปกติที่เต้านมจากฮอร์โมนเอสโตรเจน: การบริโภคน้ำเต้าหู้เพียง 25 กรัมต่อวันสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และสารไฟโตรเอสโตรเจนยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน, อาการวิตกกังวลในช่วงวัยทองและป้องกันมะเร็งเต้านมในผู้หญิงได้ ในทางกลับกัน หากดื่มน้ำเต้าหู้มากเกินไป หรือราว ๆ 30 ซีซีทุกวันกลับทำให้เกิดความผิดปกติที่เต้านมจากฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจนนั่นเอง
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนในถั่วเหลืองอาจทำให้เป็นหมัน: นอกจากนี้ งานวิจัยจาก Weston A. Price Foundation ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังเผยว่าการดื่มน้ำเต้าหู้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมไร้ท่อและมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นหมันจากฮอร์โมนเอสโตรเจนในถั่วเหลืองได้ ที่สำคัญ ระหว่างขบวนการผลิตโปรตีนถั่วเหลืองจะเกิดสารก่อมะเร็งไนโตรซามีนและสารพิษที่ชื่อไลซิโน อะลานีนอีกด้วย
- ประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวและแดงเสียไป: จากการวิจัยในผู้ที่บริโภคถั่วเหลืองเป็นประจำพบว่ามีอาการต่อมธัยลอยด์ถูกกดร่วมกับอาการคอพอก และทำให้เม็ดเลือดแดงและขาวจับตัวเป็นก้อน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดในร่างกาย
อย่างไรก็ดี การดื่มน้ำเต้าหู้ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสีย เพราะในน้ำเต้าหู้ปริมาณ 100 มิลลิลิตรจะมีทั้งโปรตีนจากพืชต่าง ๆ กว่า 1.8 กรัม และสารอาหารมากประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม, สังกะสี, ฟอสฟอรัส, เซเลเนียม, วิตามินเอ , บี1, บี2, อี, กรดอะมิโน 18 ชนิด และธาตุเหล็กที่มีมากกว่านมถึง1.6เท่า ซึ่งนักโภชนาการ ดร. มาริลิน เกลนวิลล์ได้เขียนไว้ในหนังสือ Nutritional Health Handbook for Women ว่าหากจะกินน้ำเต้าหู้ให้เป็นคุณ ก็ควรกินแต่พอดี หรือประมาณวันละ 30 กรัม เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรัก
ที่มารูปประกอบ: th.theasianparent.com