ภาพ : ไทยรัฐออนไลน์
คุณ ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายคงเคยได้ยินข่าวที่กำลังเป็นที่โจษจัน หรือกล่าวถึงมากที่สุดข่าวหนึ่งในตอนนี้ คือข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประชุมร่วมกับกรมการขนส่งทางบกเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อวางมาตรการเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ตำรวจจะเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการสวมหมวกกันน็อค การคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้โดยสารทุกคนบนรถ การขับรถเร็วตามที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น แต่มาตรการที่เป็นที่ฮือฮามากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องของการห้ามผู้โดยสารนั่งท้ายรถกระบะ หรือแม้กระทั่งแคปของรถกระบะ โดยให้เหตุผลว่า พื้นที่ดังกล่าว ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารนั่ง แต่ออกแบบมาเพื่อให้บรรทุกสิ่งของเท่านั้น แต่กลับนำมาบรรทุกคนจนเกิดความเคยชิน “ซึ่งแคปนั้นไม่มีอุปกรณ์สำหรับความปลอดภัยของผู้ที่นั่งอยู่ในแคป ซึ่งในการจับปรับรถกระบะที่มีผู้โดยสารในแคปนั้น เจ้าหน้าที่จะไม่ได้ปรับในข้อหาไม่รัดเข็มขัดนิรภัย แต่จะปรับในข้อหา ใช้รถยนต์ผิดประเภท ซึ่งถือว่าผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 21 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถไม่ตรงตามประเภทที่จดทะเบียนไว้ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นอกจากนี้กรณีที่ให้ผู้โดยสารนั่งข้างหลังกระบะก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน
เมื่อมีการประกาศมาตการนี้ออกมา ประชาชนส่วนใหญ่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย พร้อมทั้งให้เหตุผลว่า คำสั่งนี้ไม่สะท้อนความเป็นจริงของสังคมไทย เพราะคนไทยใช้รถกระบะเพื่อการโดยสารมานาน รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายแบบกะทันหันทำให้ประชาชนไม่มีเวลาปรับตัว และรัฐบาลเองก็ไม่มีทางเลือกในการโดยสารอื่น ๆ ให้กับประชาชนที่เคยโดยสารหลังกระบะ
ภาพ : sanook
จากเสียงวิจารณ์และเสียงตำหนิที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ทำให้เมื่อวันที่ 5 เมษายน ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงข่าวร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ถึงประเด็นนี้ว่ามาตรการที่ห้ามมีผู้โดยสารนั่งที่แคปรถกระบะและนั่งที่ท้ายรถกระบะเป็นหนึ่งในมาตรการกวดขันวินัยจราจร ตามคำสั่ง คสช. ซึ่งหลายฝ่ายยังสงสัยว่ายังสามารถนั่งแคปและนั่งท้ายกระบะเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ได้หรือไม่ ซึ่งโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า สำหรับการเดินทางช่วงสงกรานต์นี้ ประชาชนสามารถนั่งแคปรถกระบะได้ และนั่งท้ายกระบะได้ตามปกติ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบก็จะผ่อนผันให้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เน้นทำความเข้าใจและให้ความรู้ โดยหลังสงกรานต์จะนำมาพิจารณาจุดอ่อนจุดแข็งในข้อห้ามนี้อีกครั้ง สำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นต้องนั่งท้ายรถกระบะ สตช.ขอให้ระมัดระวังและไม่นั่งบนขอบกระบะเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และยังกล่าวอีกว่าในส่วนของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เจ้าหน้าที่และรัฐบาลพร้อมน้อมรับทุกความคิดเห็น สำหรับข้อเรียกร้องของประชาชนที่ต้องการให้ยกเลิกบังคับใช้กฎหมายห้ามนั่งท้ายกระบะนั้น รัฐบาลจะพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน
ก็คงต้องมารอดูกันต่อไปว่าสำหรับเรื่องนี้รัฐบาลและตำรวจจะมีทางออกอย่างไร เพื่อให้มาตรการความปลอดภัยสอดคล้องกับวิถีชีวิตของสังคมไทย