สำหรับใครที่อชอบเรื่องวิทยาศาสตร์ คงเคยได้ดูสารคดีเกี่ยวแสงประหลาดที่เกิดขึ้นอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือมาบ้างแล้ว เป็นแสงสีเขียวพลิ้วไหวคล้ายเปลวไฟ มีแนวทอดยาวอยู่บนท้องฟ้าเหนือบนประเทศนอเวย์ มีความยาวประมาณ 200 กิโลเมตร เราเรียกแสงที่เกิดขึ้นนี้ว่า “แสงออร่า” หรือ “แสงออโรรา” โดยจะพบอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้เท่านั้น
แสงออร่าเกิดจากอนุภาคพลังงานแสงขนาดเล็กจากดวงอาทิตย์ที่เดินทางมายังโลกของเราและกระทบลงบนสนามแม่เหล็กของโลกทั้งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ทำให้เกิดแสงพลิ้วไหวเหมือนเปลวไฟบนชั้นบรรยากาศ เนื่องจากชั้นบรรยากาศของโลกเราประกอบไปด้วยแก็ซต่างๆเป็นจำนวนมาก ทำให้แก๊ซเหล่านั้น เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เกิดแสงออร่าขึ้น บวกกับพลังงานของคลื่นแม่เหล็กบนโลกที่กระจายอยู่บรเวณขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้มา กระทบกับแก๊ซต่างๆเช่น แก็ซฮีเลียมที่ทำให้อนุภาคของแสงกลายเป็นแสงสีม่วง แก็ซนีออนทำให้เกิดแสงสีส้ม แก็ซไฮโดรเยนทำให้เกิดแสงสีฟ้า เป็นต้น จึงทำให้เราสามารถเห็นแสงออร่าจากประเทศที่อยู่ใกล้บริเวณขั้วโลกอย่างนอร์เวย์ได้
ในขณะที่ประเทศอื่นนั้นจะมองเห็นแสงออร่าได้ จะต้องเป็นประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร และจะต้องเกิดพายุสุริยะทีมีความรุนแรงมากพอจากดวงอาทิตย์เดินทางมากระทบกับคลื่นแม่เหล็ก ทำให้ประเทศแถบเหล่านั้นสามารถมองเห็นแสงออร่าได้เช่นเดียวกัน แต่ในกรณีพายุสุริยะที่เกิดขึ้นจะมีข้อเสียสำหรับโลกของเรา คือ พายุสุริยะจะส่งคลื่นสัญญาณรบกวนระบบการสื่อสาร ระบบไฟฟ้า ทำให้ไม่สามารถงานได้ จะทำให้โลกเกิดความเสียหายตามมา และมันเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2532 ในประเทศแม็กซิโก ครั้งนั้นคนในประเทศนั้นสามารถมองเห็นแสงออร่าได้อย่างชัดเจนแต่ต้องแลกด้วยกับไฟดับเป็นเวลา 9 ชั่วโมง แต่พายุสุริยะในตอนนั้นยังไม่มีความรุนแรงมากเท่าไร จึงไม่สามารถก่อให้สัญญาณวิทยุบนโลกเสียหายได้
อย่างไรก็ตามแสงออร่าที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ปัจจุบันก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ทำให้มนุษย์อยากจะเดินทางไปดูให้เห็นกับตาด้วยต้นเองสักครั้ง
ที่มาของรูปภาพ : 1.bp.blogspot.com
อยากมีบทความดี ๆ แบบนี้ สั่งซื้อเลย รับเขียนบทความ 1000content.com