การเดินทางถึงแม้จุดมุ่งหมายที่ตั้งเอาไว้อาจจะผิดพลาด แต่ก็ยังเจอเรื่องดีๆได้เสมอ เช่นเดียวกับ trip นี้ เพียงแค่พวกเราต้องการเอาเท้าแช่น้ำเย็นๆ จากธรรมชาติและนั่งปล่อยให้สมองได้ผ่อนคลาย หลังจากทำงานหนักมาทั้งอาทิตย์ (งานหนักจริงหรอว่ะ ฮ่า ๆ) พวกเราจึงเลือกน้ำตกในอำเภอวังน้ำเขียวเป็นเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ เพราะที่นั้นไม่เพียงแต่จะมีน้ำตกที่สำคัญหลายที่แล้ว ยังขึ้นชื่อว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์แดนอีสาน ที่หลายคนคงคุ้นเคย ฉะนั้นไม่รอช้า ออกเดินทางกันเลย
(วันที่ 1) ออกเดินทางจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 8:00 โดยประมาณมุ่งหน้าสู่อำเภอวังน้ำเขียว เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวใช้ทางหลวงหมายเลข 304 จากตัวเมืองโคราช ไปวังน้ำเขียวประมาณ 70 กว่ากิโลเมตร เวลาเดินทางก็ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ พอใกล้จะถึงวังน้ำเขียว Driver ของเราก็ปวดท้องขี้ขึ้นมาทันที(ผมเองนี่แหละ) คิดว่าจะหาปั๊มน้ำมันเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำแต่ไม่มีเลย เราเลยต้องแวะที่พักร้านกาแฟ “เขาช้างชะลูด”
*****บอกเลยเค้ก วิว กาแฟที่นี้อร่อย ช่วงหน้าหนาวคนแน่นร้าน*****
เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางไปยังน้ำตกทันที น้ำตกที่เราจะไปนั้น อยู่ติดกันทั้ง 3 แห่งได้แก่ น้ำตกสวนห้อม น้ำตกห้วยใหญ่ และน้ำตกม่านฟ้า ซึ่งอยู่ในเขตหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานจุดที่ 13
การเดินทางไปยังเขตหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานจุดที่ 13 นั้น ให้ขับรถมายัง “ตลาดสดศาลเจ้าพ่อ”(กม.79) เลี้ยวซ้ายเข้าชุมชนรวมใจพัฒนา ซอยเทศบาลตำบลศาลเจ้าพ่อ ซ.6 (ทางหลวงชนบท 3061)จากต้นซอยก็ขับตามทางไปเรื่อยๆประมาณ 5 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกตามระยะทางไปน้ำตกสวนห้อมและอุทยานแห่งชาติทับลาน 13
จากจุดตรวจอุทยานแห่งชาติทับลาน 13 ประมาณ 500 เมตรก็จะเจอทางแยกและป้ายน้ำตกแต่ล่ะแห่ง พวกเราเลือกที่จะเดินทางไปยังน้ำตกห้วยใหญ่และม่านฟ้าก่อน เพราะเป็นเส้นทางเดียวทางเดียวกัน
สำหรับเขตหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานจุดที่ 13 มีบ้านพักและลานสำหรับกางเต็นท์ให้ด้วย ถ้าใครอยากเดินทางมาพักที่นี้ก็สำรองบ้านพักตามเบอร์โทร 037-219408 หรือ งานบริการบ้านพัก ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร.02-5795269 , 02-5797223 , 02-5795734 , 02-5614292-3 ต่อ 724,725 อุทยานแห่งชาติทับลานมีสถานที่กางเต็นท์ ค่ายพักแรม และร้านค้าสวัสดิการไว้บริการด้วยนะ http://www.wangnamkheo.com/tublan.htm
มาถึงแล้วรีบจอดรถแล้วลงไปทันที ได้ยินเสียงน้ำตกไหล เสียงนก และเสียงไม่ไผ่เสียดสีกัน ธรรมชาติจริงๆ (ลืมบอกไปมาน้ำตกที่นี้พกครีมทากันยุงมาด้วยนะ ยุงเยอะมาก)
แต่พอลงไปแล้ว ฮ่าๆ บอกเลยไม่มีน้ำ เหมือนอย่างที่คิด (อดเล่นเลย) จากน้ำตกห้วยใหญ่แถวจุดจอดรถ ถ้าจะไปน้ำตกม่านฟ้าจะต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 100 เมตร
ถึงแม้จะมีน้ำตกเพียงเล็กน้อยไหนๆก็มาถึงแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเล่นนิดหน่อยก็ยังดี พวกเราใช้เวลาอยู่ในทั้ง 3 น้ำตกประมาณ เกือบ 3 ชั่วโมง ถึงแม้จะไม่มีอะไร น้ำก็น้อย แต่ก็รู้สึกเย็นสบายนะ
ในตอนแรกพวกเราคิดว่าจะกลับในวันนั้น แต่ก่อนจะกลับนั้น เจอเจ้าหน้าที่ของอุทยานออกไปหาหน่อไม้ เลยได้สนทนากันนิดหน่อยถามถึงเรื่องน้ำตก เจ้าหน้าที่บอกว่า บางปีถ้าฝนตกต่อเนื่องก็จะมีน้ำเยอะ จะสวยงามมากกว่า แต่ปีนี้ไม่ค่อยมีฝนตกลงมาก็เป็นอย่างที่เห็น และถ้าฝนตกลงมาเยอะก็ไม่สามารถเล่นน้ำได้ เพราะน้ำจะเป็นสีโคลนไม่น่าเล่น แต่ไหนๆก็มาถึงวังน้ำเขียวแล้วมันน่าจะมีอะไรทำสิ จึงตัดสินใจหาข้อมูลกันอีกครั้งและหาที่พักด้วย
หลังจากที่กำลังหาข้อมูลอยู่นั้น พวกเราเกิดไอเดียขึ้นมาว่า “ทำไมเราไม่อยู่รอดูหมอกในตอนเช้า เพราะอากาศในตอนเช้าที่วังน้ำเขียวน่าจะมีหมอกไม่มากก็น้อย แต่จะดูที่ไหนล่ะ นึกขึ้นได้ว่าผาเก็บตะวัน แต่ส่วนใหญ่เขาไปดูพระอาทิตย์ตกดินไม่ใช่หรอ อีกอย่างหน้าฝนจะมีหมอกได้ยังไง ก็ต้องเสี่ยงดูว่าจะมีหรือไม่” พวกเราจึงตัดสินใจอยู่ค้างคืนที่วังน้ำเขียวและวางแผนท่องเที่ยวอีกครั้ง
เมื่อได้ข้อมูลที่พักแล้ว พวกเรามุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักกันอย่างรวดเร็ว รีสอร์ทที่เราจะไปค้างคืน มีชื่อว่า “เคียงหมอก ชาเล่ต์” เป็นเส้นทางเดียวที่จะไป “ผาเก็บตะวัน” จากหน้าปากซอย “ตลาดสดศาลเจ้าพ่อ” ใช้เส้นทาง 304 ย้อนกลับไปเส้นทางโคราช แล้วกลับรถเลี้ยวซ้ายเข้า ถนน อบต.ไทยสามัคคี หรือถนนเส้นที่จะไป สวนลุงไกร ฟาร์มวังน้ำเขียวและผาเก็บตะวันนั้นเอง รีสอร์ท “เคียงหมอก ชาเล่ต์” จะอยู่ในซอยไทยสามัคคี ซอย 1(หมู่บ้านคลองย่า) หาง่ายมาก….
หลังจากเข้าที่พัก นอนพักผ่อนสักเล็กน้อยแล้ว ประมาณ 4 โมงเย็นเราก็ออกมาหาข้าวเย็นทานสักหน่อย มาเจอะกับร้านอาหารที่มีชื่อว่า “บ้านเลขที่ 5” รสชาติจะเป็นอย่างไร จอดรถแล้วลงไปกินดีกว่า
พิกัดร้านนี้หาไม่ยาก อยู่ติดถนนเลย ใครที่จะเดินทางไป จาก ซอยไทยสามัคคี ซอย 1(หมู่บ้านคลองย่า) ขับมาประมาณ 2กิโลเมตรก็เจอแล้ว เลยรีสอร์ทภูพฤกษามาสักเล็กน้อย ใครที่มาวังน้ำเขียวใต้แล้วไม่ได้มาร้าน “บ้านเลขที่ 5” ที่ว่าผิดเลย เพราะร้านนี้ การันตรีความอร่อยจาก korat.1000tripz ได้เลย ทุกอย่างทั้งสด ทั้งใหม่ ให้ 4 ดาวเลย
กินอิ่มเรียบร้อยก็ดิ่งตรงไปยังตลาดของฝากหน้าปากซอย อบต.ไทยสามัคคี ซื้อของทานเล่นสำหรับคืนนี้กันสักหน่อย แล้วแวะสักการะรูปปั้นหลวงพ่อคูณ ณ.วัดบุไผ่ หรือ ที่เรียกกันว่าวัดบ้านไร่ 2 นั้นเอง จากนั้นก็เข้าที่พักผักผ่อนตามอัตภาพ ฮ่าๆ
(วันที่ 2) ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ดๆๆ เสียงนาฬิกาปลุก ที่พวกเราไว้ ประมาณตี 5 เพื่อที่จะออกเดินทางไปยัง “ผาเก็บตะวัน” ตื่นมาหน้าตาไม่ล้าง น้ำไม่อาบ เพราะไม่รู้ว่าจะมีหมอกช่วงไหน แค่คิดว่าไปรอชมก่อนพระอาทิตย์ชึ้น
จากที่พักขับรถไปประมาณ 15 กิโล หรือราว20 นาที ผาเก็บตะวันเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งในอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่คนส่วนใหญ่จะมาชมพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อมาวังน้ำเขียว ซึ่งตัวผมเองก็เคยมาเหมือนกัน แต่วันนี้เราจะมาชมทะเลหมอกจากผาเก็บตะวันบ้าง พวกเราจึงต้องมาถึงก่อนฟ้าสาง เราจะได้รู้ว่ามีหมอกหรือเปล่า
ขอคั้นแพร๊บบบ
ทะเลหมอกเกิดขึ้นได้อย่างไร อธิบายเป็นภาษาชาวบ้านแบบง่ายๆโดยไม่ต้องมีความดงความดัน ไอน้ำ เข้ามาเกี่ยวข้อง หมอกเกิดจาก พื้นดินได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์และเย็นตัวลงในช่วงกลางคืน หรือ ช่วงยามเช้า แต่อุณหภูมิจะต้องถึงจุดน้ำค้าง ถึงจะเกิดหมอกขึ้นได้ เช่นเดียวกับวันที่เราไปดูทะเลหมอก ในช่วงกลางวันร้อนมาก พอช่วงกลางคืนมีฝนตก ทำให้พื้นดินเย็นตัวลง จนเกิดหมอกในยามเช้า
พอไปถึงกลับไม่ผิดหวัง ในช่วงเวลา 5:30-6:30 จะเห็นหมอกบางๆไม่หนามาก ซึ่งพวกเราก็คิดว่าว่ามันก็คุ้มแล้วที่ได้เห็นและคิดว่าจะกลับ แต่พอสังเกตเห็นหมอกเริ่มก่อตัวขึ้นและพัดมาทางฝั่งพื้นดิน ทำให้เราอยู่ต่อและได้เห็นหมอกแบบเต็มท้องฟ้าจนเกิดทะเลหมอก พวกเราแชะภาพ อย่าจุใจ โดยที่ไม่มีใครกวนเลย เพราะทั้งผาเก็บตะวันในช่วงนั้นมีเพียงแค่ พนักงานร้านสวัสดิการและพวกผม —–โชคดีมาก——–
ถ้าใครอยากชมทะเลหมอกแบบนี้ให้มาช่วงหน้าฝน หรือ ถ้าวันไหนฝนตก ก็จะเห็นทะเลหมอกเยอะแบบนี้ ส่วนวันที่ฝนไม่ตกก็มีบ้างแต่ไม่เยอะเท่าไร
จากทะเลหมอกก็กลับที่พักทานอาหารเช้า อาบน้ำเตรียมตัวเก็บของ เพื่อออกเดินทางไปยัง ฟาร์มวังน้ำเขียว หรือว่า มิสเตอร์มัชรูม (Mister mushroom) ต้องบอกก่อนเลยว่าผมมาที่นี้บ่อยมาก แต่ไม่เคยคิดที่จะรีวิว จนกระทั่งมาคราวนี้ รู้สึกว่าที่นี้เปลี่ยนไปเยอะมากกว่าแต่ก่อน จากไม่ค่อยมีอาคารก่อสร้างก็เริ่มมีขึ้น และจัดเป็นหมวกหมู่ได้ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ
ประมาณบ่ายโมง เดินทางออกจากฟาร์มวังน้ำเขียว ไปหาอะไรทานขับไปเรื่อยจนออกมาถนน 304 สะดุดกับร้านครัวคุณต๋อย (คิดในใจใช้ครัวคุณต๋อยที่อยู่ในโทรทัศน์หรือเปล่า ฮ่าๆ ไม่ใช่นะครับร้านนี้ เขาเปิดมากว่า 25 ปี เป็นความอร่อยระดับตำนาน) จึงจอดรถเข้าไปลองสักตั้ง
****มันสะดุดตรงป้ายตำนานความอร่อยนี้แหละ เลยต้องแวะชิม*****
สำหรับร้านครัวคุณต๋อย ถ้าเป็น Thailand’s got talent จะบอกเลยว่า ผ่าน 1 ไม่ผ่าน 3 ฮ่าๆ ได้แค่ 3 ดาวเท่านั้น ความอร่อยที่ประกาศอาจจะเป็นแค่ตำนานไปแล้ว หรือ ปากของเราอาจจะเข้าไม่ถึงฝีมือทางร้านก็ย่อมได้ ว่าแต่ใครจะมาลองเองก็ได้นะ เพราะแต่ละคนการชิมรสชาติต่างกันไปเนอะ
ปล.1 ทริปครั้งนี้พวกเราเที่ยวอยู่แถบวังน้ำเขียวใต้เท่านั้น คราวหน้าพวกเราจะไปเยือนวังน้ำเขียวฝั่งทางเหนือบ้าง
ปล.2 วังน้ำเขียวในฤดูฝน นักท่องเที่ยวบางตามาก บางร้าน บ้างรีสอร์ท ไม่มีคนใช้บริการเลย
ปล.3 ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามทั้งทาง fanpage ลเว็บไซต์ ทำให้ยอดไลค์ ยอดแชร์ พุ่งกระฉูด คราวหน้าจะเป็นที่ไหนในโคราชบ้างเอ๊งของเรา รอรับชมนะขอรับ