ทุกๆ ท่าน คงจะเคยเจอกับเหตุการณ์ที่มีสายเรียกเข้าประหลาดๆ โผล่มาตอนกลางดึก บางทีก็เป็นคนโทรผิด บางทีก็เป็นคนเมา ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ที่เคยเจอกับเหตุการณ์นี้ คงจะรู้สึกรำคาญไม่น้อย แต่ถ้าเกิดว่าวันหนึ่ง สายเรียกเข้าที่โทรมานั้นไม่ใช่คนล่ะ จะเป็นอย่างไร
โบว์ คือหนึ่งในคนที่เคยเจอกับเหตุการณ์นี้ ที่มีคนโทรผิดเข้ามาบ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะเบอร์โทรศัพท์ของโบว์ เป็นเบอร์ที่มีตัวเลขที่คนมักจะนึกถึงแทบทุกคืน มักจะมีคนโทรผิดมาเข้าเบอร์ของเธออยู่เสมอ ทั้งคนเมา คนตามหาญาติแบบจำเบอร์ญาติตัวเองไม่ได้ แม้กระทั่งเมียหลวงที่ตามหาเมียน้อย เคยโทรเข้ามาด่าเธอก็มี จนโบว์รู้สึกรำคาญมาก และคิดว่า จะเปลี่ยนเบอร์ไปให้รู้แล้วรู้รอดดีไหม
จนกระทั่งวันหนึ่ง เวลา 4 ทุ่ม ก็มีโทรศัพท์โทรเข้าเครื่องโบว์อีก คราวนี้เป็นเบอร์แปลกๆ ที่โบว์ไม่รู้จัก เธอคิดในใจว่า “สงสัยโทรมาผิดอีกแล้วแน่เลย” แล้วก็กดรับ พร้อมกับทักทายปลายสายไปว่า “สวัสดีค่ะ จะติดต่อใครคะ”
ปลายสายคราวนี้ โบว์คิดว่ามันแปลกๆ เพราะไม่มีใครพูดอะไรกลับมาเลย มีแต่เสียง ซ่า ซ่า ซ่า จนเธอต้องทักทายปลายสายซ้ำไปเป็นครั้งที่สองว่า “เอ่อ ได้ยินไหมคะ ไม่ทราบว่าจะติดต่อใครคะ”
ปลายสายยังคงเงียบเหมือนเดิม จนโบว์ต้องทักทายไปอีกเป็นครั้งที่สามว่า “ไม่ทราบว่าจะติดต่อใครคะ ถ้าเกิดยังไม่พูดอะไร จะวางสายแล้วนะคะ”
ประมาณสัก 1 นาที จึงมีเสียงตอบกลับมาจากปลายสาย เป็นเสียงผู้หญิง ที่โบว์คิดว่า มันเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูกตอบกลับมาว่า “ก้อยอยู่ไหน ก้อยอยู่ไหน”
โบว์เลยตอบกลับไปว่า “ไม่มีคนชื่อก้อยที่นี่หรอกค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
แต่เสียงผู้หญิงที่ปลายสาย ก็ยังพูดกลับมาซ้ำๆ ซากๆ ว่า “ก้อยอยู่ไหน ก้อยอยู่ไหน”
โบว์เลยตอบซ้ำไปว่า “ที่นี่ไม่มีคนชื่อก้อยค่ะ”
แล้วจู่ๆ เสียงที่ปลายสายก็สะอื้นกลับมา เป็นเสียงสะอื้นที่ไม่ได้ทำให้โบว์รำคาญเลย กลับกัน มันทำให้โบว์รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
เสียงผู้หญิงที่ปลายสายยังสะอื้นอยู่ประมาณ 1 นาที ก่อนจะพูดออกมา ระคนกับเสียงสะอื้นว่า “ไม่จริง ไม่จริง ก้อย ก้อยอยู่ไหน ก้อยอยู่ไหน” ยิ่งพูดนานเท่าไร เสียงผู้หญิงที่ปลายสาย มันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
สักพักหนึ่ง จู่ เสียงผู้หญิงที่ปลายสาย ก็วี้ดขึ้นมาว่า “ก้อยอยู่ไหน กรี๊ด” จนโบว์ถึงกับตกใจ จนเกือบทำโทรศัพท์ตกพื้น
แล้วเสียงปลายสายก็ตัดไป
ตอนแรก โบว์คิดว่า น่าจะเป็นคนเมาที่โทรเข้าเครื่องเธอ แต่โบว์ก็ยังรู้สึกแปลกๆ กับสายเรียกเข้านั้น แต่ก็พยายามลืมมันไป แล้วเข้านอน
คืนต่อมาเวลา 4 ทุ่ม ก็มีคนโทรมาหาโบว์อีก เป็นเบอร์เดิมที่โทรมาตามหาคนชื่อก้อย เมื่อวานนี้นั่นเอง
แม้จะยังรู้สึกแปลกๆ แต่โบว์ก็ตัดสินใจรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
ปลายสายเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถามด้วยเสียงเย็นๆ เหมือนเดิมว่า “ก้อยอยู่ไหน”
โบว์เลยตอบกลับไปว่า “ที่นี่ไม่มีคนชื่อก้อยหรอกค่ะคุณ”
คราวนี้ ปลายสายทำเสียงแข็งขึ้น พร้อมกับพูดว่า “ไม่จริง มึงเป็นใคร ไปตามก้อยมาเดี๋ยวนี้นะ”
โบว์รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เลยตอบกลับไปด้วยเสียงดังว่า “ดิฉันบอกแล้ว ว่าที่นี่ไม่มีคนชื่อก้อย คุณหาเบอร์อื่นเถอะค่ะ”
จู่ เสียงผู้หญิงที่ปลายสาย ก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ โบว์รู้สึกว่า เป็นเสียงหัวเราะที่น่ากลัวเสียนี่กระไร และเสียงหัวเราะนั้น ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เริ่มมีเสียงสะอื้นมาปน จนในที่สุด มันก็กลายเป็นเสียงสะอื้น
โบว์รู้สึกกลัวขึ้นมา จึงวางสายทันที แต่พอประมาณ 5 นาทีได้ เบอร์นั้นก็โทรมาอีกแล้ว
คราวนี้ โบว์ไม่กล้ารับสายอีกแล้ว รีบเอาโทรศัพท์ไปให้แม่ของตัวเองรับ ซึ่งแม่ก็รับ และเปิดลำโพงให้โบว์ได้ยินด้วย
“ฮัลโหลค่ะ”
ปลายสายยังคงเงียบ มีแต่เสียง ซ่า ซ่า ซ่า แม่ของโบว์เลยพูดกลับไปว่า “คุณโทรศัพท์มาก่อกวนลูกของดิฉันทำไม ว่างมากนักหรือ”
สักพักหนึ่ง เสียงผู้หญิงปลายสายก็ตอบกลับมาด้วยเสียงระคนเสียงสะอื้นว่า “ก้อยอยู่ไหน ก้อยหายไปไหน”
แม่ของโบว์ตอบไปว่า “ที่นี่ไม่มีคนชื่อก้อยหรอกค่ะ”
แต่ปลายสายก็ยังพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ว่า “ก้อยอยู่ไหน ก้อยอยู่ไหน” ยิ่งพูดนานเท่าไร ก็ดูเหมือนว่าเสียงปลายสายจะดังขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุด ปลายสายก็ส่งเสียง “กรี๊ด” แล้วสายก็หลุดไป
คราวนี้ ทั้งโบว์และแม่ ถึงกับหน้าซีด ขนลุกกันเลยทีเดียว
วันรุ่งขึ้น โบว์กับแม่ เลยไปที่ศูนย์บริการโทรศัพท์ ที่เบอร์ของโบว์ได้ผูกอยู่ เพื่อที่จะหาข้อมูลว่า เบอร์ที่โทรเข้ามานั้น เป็นเบอร์ใครกันแน่ และสิ่งที่ได้รับ ทำเอาโบว์และแม่ ต้องช็อคไปเลยทีเดียว เพราะเบอร์โทรศัพท์ที่โทรมานั้น ได้ปิดการให้บริการไปนานแล้ว โดยเจ้าของเบอร์นั้นก็ได้เสียชีวิตไปแล้วด้วย จึงไม่มีทางที่ใครจะใช้เบอร์นั้นโทรมาได้แน่นอน
ทุกวันนี้ โบว์ยังไม่รู้เลยว่า ใครกันแน่ที่โทรเข้ามาหาเธอและผู้ที่โทรมานั้น ยังเป็นคนอยู่หรือไม่ และก้อยคือใคร รู้แต่ว่า หลังจากนั้น โบว์ได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เรียบร้อย แล้วก็ไม่เจอกับคนโทรผิดมาหาอีกเลย