เราเคยได้ยินกันออกบ่อยว่ามีประเพณีแปลก ๆ ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่สำหรับประเพณีที่จะนำมาคุยให้ฟังวันนี้ต้องบอกเลยว่าฟังแล้วเศร้าสะเทือนใจมาก ๆ เป็นประเพณีที่เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย ในเมืองทมิฬนาทู ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ยากจนแห่งหนึ่งของอินเดียเลยก็ว่าได้ ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรและมีฐานะยากจนมาก ยากจนถึงขนาดว่าเมื่อพ่อแม่แก่ชรา ไม่อยากให้เป็นภาระ ด้วยความคิดว่าอยู่ต่อไปก็มีแต่ลำบาก และชีวิตก็เหลืออยู่อีกไม่นานแล้ว จึงมีประเพณีการฆ่าคนแก่ในครอบครัวทิ้ง
คนไทยอย่างเราได้ยินแล้วก็ต้องรู้สึกจุกเป็นธรรมดา เพราะสังคมไทยเรายึดมั่นเรื่องความกตัญญูและการดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุในบ้านเป็นอย่างดีกันอยู่แล้ว แต่สำหรับที่ทมิฬนาทูนั้นต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ยากจนไม่มีเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่ชราเท่านั้น แม้แต่เวลาที่จะมาดูแลก็ไม่มีด้วย เพราะทุกคนต้องไปทำงานกันหมด ประเพณีการฆ่าทิ้งจึงถูกมองว่าเป็นเพราะความปรารถนาดีที่มีต่อผู้เฒ่าผู้แก่ ไม่อยากให้ต้องอยู่ทนความลำบากบนโลกใบนี้ต่อไป
สำหรับขั้นตอนในการฆ่านั้น ไม่ได้ใช้วิธีที่รุนแรงอะไร จะมีการอาบน้ำให้กับคนแก่ด้วยน้ำมัน จากนั้นจะให้ดื่มน้ำมะพร้าว น้ำกะเพรา นม และตามด้วยมื้ออาหารที่ปรุงเป็นการเฉพาะเพื่อให้คนแก่เกิดอาการอาหารเป็นพิษ และจะเสียชีวิตภายในเวลาไม่เกิน 2 วัน
คนแก่ทุกคนรับรู้ถึงประเพณีที่ว่าดี และต่างก็ยอมรับมัน ยอมรับว่าถ้าตัวเองตายไปจะช่วยให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น คนในครอบครัวไม่ต้องมามัวพะวงกับตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระให้กับลูกหลาน คนแก่ส่วนใหญ่จึงพร้อมยอมรับประเพณีนี้เมื่อถึงเวลา
แต่อย่างไรการฆ่าก็ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ดี แม้จะเป็นความปรารถนาดีหรือตัวผู้ถูกฆ่ายอมเองก็ตาม ประเพณีนี้แต่เดิมน่าจะทำกันเป็นการภายในไม่ค่อยมีใครทราบ แต่ภายหลังที่เปิดเผยออกมาก็เป็นเพราะมีคนแก่รายหนึ่งที่ไม่ต้องการถูกฆ่า จึงหนีออกมาจากบ้าน และไปแจ้งเจ้าหน้าที่ จึงมีการสืบสวนและพบสาเหตุของการที่คนแก่ในทมิฬนาทูหายไปเป็นจำนวนมากนี้เอง
ต้องถือเป็นโชคดีที่ปัจจุบันประเพณี “แก่แล้วต้องฆ่าทิ้ง” นี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองทมิฬนาทูดีขึ้นจากความเจริญที่เริ่มเข้าไปสู่ชนบท ประชาชนไม่ยากจนหรือลำบากเหมือนแต่ก่อน จึงสามารถเลี้ยงดูคนแก่ให้มีชีวิตอยู่จนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแต่ละคนเอง
ขอบคุณเครดิตภาพจาก
ภาพที่ 1 : http://www.nativeplanet.com/