การจับสลากการแข่งขันฟุตบอลถ้วยคาราบาวคัพอังกฤษ ครั้งแรกที่ย้ายมาจับสลากที่เมืองไทย เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมากลายเป็นเรื่องชวนวุ่น เมื่อทีมงานหลุดใส่ชื่อทีมชาร์ลตันแอธเลติกกันสองครั้ง กลายเป็นเรื่องขำและถูกวิพากษ์วิจารณ์เชิงล้อเลียนถึงความไม่เป็นมืออาชีพกันยกใหญ่ ก่อนฝ่ายจัดการแข่งขันต้องออกมาขอโทษขอโพย และแจ้งว่าเกิดจากความผิดพลาดของฝ่ายกราฟิกในช่วงการถ่ายทอดสด ทำให้ต้องปล่อยไก่ไปทั่วทั้งโลกโซเชียล
การแข่งขันฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษประจำฤดูกาล 2017-2018 ซึ่งในปีนี้มีเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง “คาราบาวแดง” ของไทยให้การสนับสนุนหลักโดยการเซ็นสัญญาระยะยาวถึง 3 ปี ด้วยวงเงินประมาณ 18 ล้านปอนด์ (ประมาณ 800 ล้านบาท) ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “คาราบาวคัพ” อย่างเป็นทางการ ซึ่งก็เรียกเสียงฮือฮาและความสนใจอีกครั้งเมื่อมีการประกาศว่าจะมีการจับสลากประกบคู่การแข่งขันที่ประเทศไทย ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลถ้วยของอังกฤษมีการจับสลากนอกประเทศ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสมจากสื่อมวลชนอังกฤษ
พิธีการจับสลากได้นี้ได้กำหนดขึ้น ณ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เลียบทางด่วนรามอินทรา โดยมีสักขีพยานทั้งฝ่ายไทยและอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มร.ฌอน ฮาร์วี่ ประธาน EFL และเอมมานูเอล เปอร์ตี อดีตสตร์ดังทีมอาร์เซนอล เป็นต้น โดยภายหลังการจับสลากประกบคู่รอบแรก ก็เรียกเสียงฮือฮา กันแซ่ดอีกครั้ง เมื่อคอมพิวเตอร์กราฟิกได้แสดงผลการประกบคู่ในชื่อทีม “ดาบอัศวิน” ชาร์ลตัน แอธเลติกซ้ำกัน โดยทีมชาร์ลตันต้องเป็นเจ้าบ้านพบกับเอ็กเซเตอร์ ซิตี้ ยังไม่พอ ต้องออกไปเยือนเชลแนมทาวน์ ในวันและเวลาเดียวกัน สร้างความสับสนในกับสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก ก่อนที่ทางฝ่ายจัดการแข่งขันจะประกาศว่าทีมที่จะได้เจอกับเชลแนมทาวน์ คือ อ๊อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด โดยความผิดพลาดนี้เกิดจากฝ่ายกราฟิก จึงต้องรีบแก้ไขเป็นการด่วน
ภายหลังพิธีจับสลากทำให้สื่อมวลชนอังกฤษพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เป็นมืออาชีพของฝ่ายจัด แม้กระทั้งเว็บไซต์ของสโมสรชาร์ลตันก็ตั้งกระทู้ล้อเลียนว่า “ฉันจะต้องเจอใครกันแน่”
การที่แบรนด์สินค้าไทยเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษ หากมองในแง่ดีก็จะเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของสินค้าไทย ให้เป็นที่จดจำไปทั่วโลก แต่การที่จะต้องย้ายฟุตบอลถ้วยอังกฤษมาจับสลากถึงประเทศไทย ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก ก็ต้องติดตามดูไปยาว ๆ ว่า “ถ้วยคาราบาวคัพ” จะมีมนต์ขลังดึงดูดแฟนบอลให้ลุ้นหน้าจอได้มากแค่ไหน ก็ต้องคอยติดตามข่าวกันยาว ๆ ไปครับ
ขอบคุณเครดิตภาพจาก
1.https://www.thairath.co.th
2.http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=141028&t=news
3.http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/759920