ในวงการพุทธศาสนาหรือที่เรารู้จักกันว่าวงการผ้าเหลือง มีข่าวออกมาอยู่หลายครั้งที่ทำให้ประชาชนชาวพุทธรู้สึกเบื่อหน่ายและหมดศรัทธา เนื่องจากหากไม่เป็นเรื่องของผลประโยชน์หรือเรื่องของเงิน ๆ ทอง ๆ ในวัด ก็เป็นเรื่องของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นภายในวัด และทุกครั้งก็พบว่ามีพระเข้าไปมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหากจะมองกันให้ดีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเกิดจากการไม่มีระบบระเบียบในการจัดการเรื่องบัญชี หรือเรื่องเงินทองภายในวัด ทำให้คนธรรมดาทั่วไปหรือแม้กระทั่งผู้ที่บวชอยู่ก็สามารถหลงผิดไปได้
ดังนั้น หากวัดมีการจัดระบบระเบียบในเรื่องต่าง ๆ ให้ดีและถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องของเงินทองหรือผลประโยชน์ต่าง ๆ ในวัด การทำเช่นนี้จะทำให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเจ้าอาวาส พระภิกษุ สามเณร หรือแม้กระทั่งคนที่ดูแลวัดไม่สามารถมีช่องทางที่จะทุจริตหรือทำผิดได้ ดังข่าวครึกโครมในเรื่องของสามเณรปลื้มหรือข่าวการทุจริตเงินอุดหนุนเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัด ซึ่งช่องว่างที่ไร้ระบบระเบียบสามารถเปลี่ยนคนดีให้เป็นคนไม่ดีได้ นอกจากนี้ กลุ่มคนที่ทำผิดเพียงไม่กี่คนจะทำให้พุทธศาสนาที่มีอยู่มาถึงกว่า 2,000 ปี ต้องมัวหมองและเสียชื่อเสียง
ช่วง 3 เดือนเศษที่ผ่านมาจึงมีคำสั่งจากหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าไปสะสางปัญหาในแวดวงสงฆ์รวมถึงออกกฎหมายเพื่อให้วัดแสดงบัญชีทรัพย์สิน หรือเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของวัดไม่ว่าจะเป็นรายรับ เงินบริจาค หรือรายจ่ายเพื่อให้ไม่มีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงการสงฆ์ ดังนั้น กฎหมายจึงเป็นเพียงข้อกำหนดให้วัดมีกระบวนการเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ สังคมและประชาชนยังมีส่วนร่วมและช่วยดูแลได้ด้วย
นอกจากกฎหมายใหม่ควรกำหนดให้มีคณะกรรมการจัดการทรัพย์สินของวัดแล้ว กฎหมายใหม่ควรกำหนดให้สามารถแบ่งแยกระหว่างทรัพย์สินของวัดและทรัพย์สินของพระภิกษุด้วย ซึ่งหากทรัพย์สินของพระภิกษุนั้นได้มาก่อนบวชหรือได้มาจากมรดกให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัว แต่หากได้มาระหว่างอยู่ในการดำรงเป็นสมณเพศให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินของวัดเมื่อพ้นจากความเป็นพระภิกษุแล้ว สำหรับคณะกรรมการจัดการทรัพย์สินของวัดควรมาจากหลายฝ่าย เช่น เจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส พระภิกษุ ไวยาวัจกร อุบาสก และอุบาสิกาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในถิ่นนั้นและเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้แต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีของวัด วางระบบเบียบในการจัดการทรัพย์สิน บริหารจัดการทรัพย์สินให้ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนา เป็นต้น
สถาบันหลักที่สำคัญของชาติไทยที่อยู่คู่กับชาวไทยมาตั้งแต่อดีต คือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราคนไทยทุกคนต้องการให้สถาบันเหล่านี้ยังคงอยู่ด้วยความเข้มแข็ง และได้รับความศรัทธาจากประชาชน เราทุกคนจึงต้องช่วยกันดูแลสถาบันหลักของคนไทย รวมทั้งสถาบันศาสนาเพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวไทย และไม่เสื่อมลงด้วยน้ำมือของคนเพียงไม่กี่คน
ขอบคุณเครดิตภาพจาก
ภาพหน้าปก : http://www.siamintelligence.com/
ภาพที่ 1 : http://www.posttoday.com/analysis/interview/499429
ภาพที่ 2 : http://www.posttoday.com/analysis/report/499309