ภาพ : www.thairath.co.th
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมาได้เกิดการเปิดเผยคดีฆาตกรรมสามเณรรูปหนึ่ง ภายในวัดวังตะวันตก ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยเหตุฆาตกรรมเกิดตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาแต่พึ่งจะได้รับการเปิดเผยในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานี้เอง โดยผู้เสียชีวิตมีชื่อว่าสามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุลที่มีอายุเพียง 17 ปี ได้ถูกทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต จากนั้นได้มีการนำร่างมาฝังไว้ภายในวัด จากนั้นได้มีการเทปูนปิดทับและนำพระพุทธรูปมาตั้งพร้อมเครื่องบูชาเพื่ออำพรางศพ
ภาพ : www.thairath.co.th/
ซึ่งเมื่อเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยออกมาก็พบเรื่องที่สะเทือนวงการสงฆ์เป็นอย่างมาก เมื่อพบว่าผู้ก่อเหตุฆาตกรรมเป็นพระรูปหนึ่งที่อยู่ภายในวัดเดียวกัน โดยมีชื่อว่าพระเด่นหรือนายเด่น ภูมินิยม โดยมีผู้ร่วมขบวนการเป็นสามเณรในวัดเดียวกันคือนายสุริยา กุศลสุข หรือสามเณรสุริยา ที่มีอายุเพียง 18 ปี และนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล หรือนางสาวบิว ภรรยาของนายเด่นชัย และแม้ว่าเบื้องต้นทางผู้ต้องหาจะรับสารภาพ โดยระบุว่าเหตุจูงใจนั้นมาจากการที่สามเณรปลื้มได้ทำการขโมยทรัพย์สินของนางสาวบิวไป ทำให้พระเด่นชัยบันดาลโทสะและลงมือฆาตกรรมผู้ตาย แล้วจึงจัดการอำพรางซ่อนเร้นศพจนกระทั่งทางตำรวจทำการสืบทราบและดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา
แต่เมื่อมีการสืบสวนเรื่องราวดังกล่าวเพิ่มเติม ทางตำรวจคาดว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการในเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ร่วม 10 คนเลยทีเดียว ทั้งยังมีเรื่องผลประโยชน์ของทางวัดแอบแฝงอยู่อีกด้วย โดยพบว่านายเด่นชัยในขณะที่ก่อเหตุฆาตกรรมมีตำแหน่งเป็นไวยาวัจกรวัด และภรรยาหรือนางสาวบิวมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการดูแลบัญชีของทางวัด ซึ่งเมื่อสืบสวนก็พบว่าทั้ง 2 ต่างก็ได้รับผลประโยชน์ในการเข้ามาควบคุมดูแลบัญชีของทางวัดเป็นมูลค่าหลายล้านบาท ทั้งยังมีการขยายอิทธิพลจนอดีตเจ้าอาวาสต้องออกไปจำวัดที่วัดอื่นภายในจังหวัดนครศรีธรรมราชแทน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เลยทีเดียว และคาดการณ์ว่าการที่นายเด่นชัยเข้าบวชเป็นพระนั้นก็เพื่อเป็นการปูทางให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนในโอกาสต่อไปอีกด้วย
ภาพ : www.thairath.co.th/
ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 คน และทางทหารก็ได้เข้าไปจัดระเบียบแผงค้าขายภายในวัดเพื่อความเป็นระเบียบและป้องกันเหตุวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งคดีนี้นับว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญที่เกิดจากผลประโยชน์มหาศาลที่หล่อเลี้ยงวัดอันมีที่มาจากพลังศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพุทธศาสนา ทางตำรวจจึงต้องดำเนินคดีอย่างระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อให้ผู้ร่วมขบวนการทุกคนได้ถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นภายในวัดหรือสถานที่ทางศาสนาใด ๆ ขึ้นอีกต่อไป