เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่โรงพยาบาลศิริราช ศ.นพ.ประสิทธ์ วัฒนาภา คณบดีแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล พร้อมคณะ ได้ออกมาแถลงถึงความสำเร็จในการรักษามะเร็งตับและมะเร็งตับอ่อนเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สมบูรณ์โดยใช้วิธีจี้ก้อนเนื้องอกด้วยมีดนาโนเจาะไปที่ผิวหนังของผู้ป่วย ก่อนปล่อยไฟฟ้าความต่างศักย์ขั้วบวกและขั้วลบ ทำให้เซลล์ตายแบบธรรมชาติ ซึ่งจากผลของการนำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้ พบว่าสามารถฆ่าเนื้องอกได้ถึงร้อยละ 93 โดยที่ไม่ทำลายเซลล์เนื้อเยื่อในส่วนอื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงและได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ การรักษาด้วยวิธีนี้จะเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีก้อนเนื้องอกขนาดไม่เกิน 5 เซนติเมตร และเป็นมะเร็งในระยะที่ 1 และ 2 ได้เท่านั้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดี ๆ สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ขึ้นชื่อว่า มะเร็ง เป็นใครก็ไม่อยากให้เนื้อร้ายก้อนนี้มาเฉียดกายเราจริงไหมค่ะ โดยเฉพาะมะเร็งตับ ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 สำหรับผู้ชายและเป็นอันดับที่ 3 สำหรับผู้หญิงหลาย ๆ คนมักจะมีข้อสงสัยกันว่า โรคมะเร็งตับนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร และจะมีวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้อย่างไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ
สาเหตุและปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งตับ มีดังนี้ คือ
1.เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์
2.เกิดจากการอักเสบของตับโดยการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี
3.เกิดจากการได้รับสารจำพวกจำพวกที่มีอะฟลาท็อกซินและไนเตรทที่ปนเปื้อนมากับอาหาร เช่น ถั่วลิสงที่ติดเชื้อรา พริกป่น
4.การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิดเป็นเวลานาน ๆ เช่น ยาคุมกำเนิด สารไวนิลคลอไรด์ สารหนูและการสูบบุหรี่
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งตับ ก็ควรรู้จักการดูแลตัวเอง โดยการหลีกเลี่ยงต่อปัจจัยที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดตับอักเสบ ดังนี้
1.ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ
2.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
3.รับประทานอาหารที่ปรุงสุกอยู่เสมอ ๆ
4.หลีกเลี่ยงการสูดดมสารเคมีและสารโลหะหนัก
5.หลีกเลี่ยงสารอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อราและสารที่มีอะฟลาท็อกซิน
6.หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เช่น ของหมักดอง แหนม สารกันบูด สารปรุงรสต่าง ๆ
7.ทำการตรวจสุขภาพปีล่ะ 1 ครั้ง เพื่อที่จะทราบผลของการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายอย่างละเอียด
8.ไม่สำส่อนทางเพศ สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
9.หากรู้ตัวว่าตนเองนั้นป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีหรือซีจะต้องเข้าทำการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้ทำการรักษาได้อย่างถูกวิธี อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับ
ขอบคุณเครดิตภาพจาก
ภาพหน้าปก : http://www.tnamcot.com/view/5948c4cbe3f8e4d03237485a
ภาพที่ 1 : http:// www.manager.co.th/ https://medthai.com
ภาพที่ 2 : http:// www.manager.co.th/ https://medthai.com